กระผมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมว่า ใครทำกรรมใด ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วกรรมนั้นย่อมเป็นของผู้กระทำอย่างแน่นอน และจะติดตามผู้กระทำกรรมนั้นไปทั้งภพนี้และภพต่อๆ ไปอย่างแน่นอน
แต่กระผมสงสัยดังนี้ครับ...คือกระผมจะขอเล่าเรื่องจริง (แต่ไม่ขอเอ่ยนามเจ้าของครับ) เป็นเรื่องจริง เขาเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับกระผมเองมีบ้านอยู่ไกล้ๆ กัน ครอบครัวนี้มีลูกผู้ชาย 3 คน นอกนั้นเป็นหญิง หัวหน้าครอบครัวนี้เป็นคนทำมาหากินเก่ง เขาชอบยิงนกตกปลา หรือสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืนเขาจะไปส่องนก ยิงนกให้ภรรยานำมาขาย เขาทำอย่างนี้มาตลอด ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเขาไปตกปลานำลูกผู้ชายไปด้วยตอนกลางคืน ขณะตกปลาข้างถนนคงเป็นเพราะดึกปล่อยให้ลูกนอนหลับรอข้างถนน พอรถวิ่งมาเด็กคงตกใจตามประสาเด็กที่กำลังหลับจึงพรวดพราดวิ่งอาจด้วยความงัวเงียวิ่งตัดหน้ารถเด็กเสียชีวิตทันที ต่อมาลูกผู้ชายอีกคนก็ถูกฆ่าตาย และลูกผู้ชายอีกคนที่เหลือก็มาถูกฆ่าตายอีกเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันผู้เป็นพ่อยังมีชีวิตอยู่ บรรดาชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเพราะพ่อของเด็ก (ของลูกๆ ทั้ง3คน) เป็นคนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตบาปกรรมจึงมาตกอยู่ที่ลูก หากเป็นเป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดกันกระผมจึงมีความสงสัยว่า พ่อเป็นผู้ก่อกรรมและกรรมนั้นก็น่าจะเป็นของพ่อแต่ทำไมต้องไปตกอยู่ที่ลูก หรือว่าเป็นการเข้าใจของชาวบ้านผิดไปก็อาจเป็นได้แต่หากเป็นจริงทำไมเป็นเช่นนั้นทั้งๆ ที่ลูกไม่ใช่เป็นผู้ก่อกรรมนั้น ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายให้กระผมเข้าใจด้วย ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงครับ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของๆ ตน ทำดีหรือทำชั่วก็เป็นผู้รับผลแห่งกรรม นั้นค่ะ พ่อทำกรรมชอบฆ่าสัตว์ กรรมไม่ได้ไปตกอยู่ที่ลูกหรอก แต่ลูกเขาในอดีตก็คง เคยทำกรรมคล้ายกับพ่อคือชอบฆ่าสัตว์เหมือนกัน เขาจึงอายุสั้น กรรมรับแทนกันไม่ได้
สาธุ
มีข้อความตอนหนึ่ง ที่ท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง ได้ถามท่านอาจารย์สุจินต์ไว้ เมื่อนานมาแล้วซึ่ง มีเนื้อหา คล้ายๆ กัน กับความสงสัยของท่าน.......................และมีผู้ที่สงสัยเรื่องแบบนี้อยู่มาก ................... (เท่าที่เคยฟังมา)
ข้าพเจ้า จึงขออนุญาตนำข้อความ จากการสนทนามาเขียนเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาธรรมต่อไป.....ยาวหน่อยนะคะ.จากหนังสือ "ตอบปัญหาธรรม" (พิมพ์เผยแพร่เป็นธรรมบรรณาการ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๐)
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
.
.
.สนทนาธรรม ณ พุทธสมาคม จังหวัดแพร่ วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๓๐
ท่านผู้ฟัง
เรียน ท่านอาจารย์ที่เคารพ กระผมเคยได้ยินได้ฟังธรรม ของอาจารย์มา ๑๐ กว่าปีแล้ว เวลาเช้า...เวลากลางคืนทุกวันนี้ ก็ยังฟังอยู่ ผมเกิดความเลื่อมใสในความสามารถของอาจารย์ แต่ว่าผมก็ได้บวชเป็นพระมา ๖ พรรษาเหมือนกัน เดี๋ยวนี้อายุ ๘๑ ปีแล้ว แล้วก็ได้ยินได้ฟังอาจารย์เทศน์ ตอนปลาย คือตอนต้นไม่ได้ยิน เลยไม่เข้าใจ แต่ฟังแล้วก็พอเข้าใจบ้าง แต่ว่าโดยมากแล้ว ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากเห็นอาจารย์...วันนี้โชคดีที่ได้มาเห็นได้ฟังเสียงมา ๑๐ กว่าปี ผมมีข้อข้องใจ ขอเรียนถามดังต่อไปนี้............................
"การทำบุญ ย่อมได้สุขเอง........การทำบาป ย่อมได้ทุกข์เอง"ตามหลักธรรมว่าอย่างนั้น แต่ทั้งสองอย่างนี้ เห็นได้โดยไม่ยากคือเราจะสังเกตเห็นประชาชนคนทุกวันนี้ ทำบาปเองได้ทุกข์เองทำบุญเอง ได้สุขเอง ก็พอเห็นได้.......................................... แต่ว่าพอทำบาป ทำไมบาปจึงตกแก่ลูก เช่น พ่อลอกเอาทองคำ ในโถหุ้มพระธาตุไปขาย ทำไมลูกเกิดมาจึงไม่มีหนังหุ้มห่อร่างกาย. อีกประการหนึ่ง พ่อแพ้แก่ความจน คือ คนรวยกับคนจนมีความกัน คนจนก็จนอย่างที่สุด คนรวยก็รวยอย่างที่สุดแต่คนรวยจิตใจโมโห จึงได้จับเอาอีแร้ง ใส่ลงไปในหลังคาบ้านของคนจน ในเวลาดึก แตกตื่นกันทั้งหมดเลย นานเสียด้วย........สมัยนั้น คงไม่มีตะเกียง น้ำมันก๊าด จุดไต้เอา กว่าจะจุดได้ก็เสียเวลามาก...เรื่องนี้ประมาณ สักร้อยปีมาแล้ว ทีนี่ลูกของผู้ที่ทำอย่างนี้เกิดมา แขนทั้งสองข้าง ติดกันเป็นพืดทั้งสองข้าง ขากับน่องก็ติดกันเป็นพืดเลยยืนไม่ได้. อีกเรื่องหนึ่ง อันนี้เห็นกับตาเลย...พ่อไปหาปลาจะเอาไปทำอาหาร กินกลางวัน หิวเต็มทีแล้ว....ได้เอาปลามา ก็วางไว้บนเขียงข้างมีด ตนเองไปหาฟืน เพื่อติดไฟปรุงอาหาร เมื่อขึ้นมาปลาก็หายไปแล้ว ค้นคว้าหาไป เห็นแมวกินอยู่ที่มุมครัว ก็จับแมวมาวางบนเขียงหวัง ฟันแมวให้หัวขาด แต่พอยกมีดขึ้น แมวกลัว หดตัวเข้า ชักตัวเข้า แต่เท้าทั้งสอง ติดกับเขียง ทำให้ถูกฟัน.........เท้าขาดทั้งสองข้าง เมื่อลูกเกิดมา.........ลูกมือกุดไปทั้งสองข้างเลย อันนี้ผมเห็นกับตา เด็กเป็นลูกศิษย์ มาเข้าโรงเรียน ผมก็ยังเห็น...............อันนี้แหละ
พ่อทำบาป แต่ ทำไมบาปไปตกแก่ลูกละครับ.?
ท่านอาจารย์
น่าคิดนะคะ...เพราะว่าคิดเผินๆ ดูเหมือนทุกคน จะผสมกรรมของคนนี้ กับกรรมของคนโน้น แต่ว่า..................................ถ้าลูกไม่มีกรรม ลูกจะเกิดมาไหม.?
และการที่ลูกเกิดมา เป็นไปอย่างนั้นเป็นกรรมของใคร.? ถ้าไม่ใช่กรรมของลูกเอง. แต่ละคน มีกรรมเป็นของตัวเองจริงๆ ....................ที่จะต้องรู้ก็คือ เมื่อได้กระทำกรรมไปแล้ว จะได้รับผลของกรรมทางไหน...เมื่อไหร่.? นี่เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เพราะทุกคนมีกรรมที่ได้กระทำแล้วมากมาย.และเมื่อเกิดมาแล้ว......ก็ย่อมมีการกระทำกรรมต่อไปด้วย ฉะนั้น........จะได้รับผลของกรรมทางไหน และเมื่อไหร่.?เมื่อไม่รู้ว่า ขณะไหน..............คือ ขณะที่เป็นกรรม และไม่รู้ว่า ขณะไหน.................ที่เป็นผลของกรรม ก็จะสับสน ปนกรรมของพ่อกับกรรมของลูกอยู่เรื่อยๆ .ใครก็ตาม ที่เกิดมา ถ้าไม่มีกรรมเป็นของตัวเองแล้ว ก็จะไม่เกิดแน่ เพราะว่า พระอรหันต์เท่านั้น ที่ไม่เกิด.
ฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดในตระกูลใด มีพ่อแม่ที่ทำกรรมอย่างไรก็ตามลูกที่เกิดมานั้น เป็นอย่างไร......ก็เป็นผลของกรรม ของลูกเองถ้าลูกไม่มีกรรมของลูกเอง ลูกก็เป็นไปอย่างนั้นไม่ได้............
ฉะนั้น....ในเมื่อไม่รู้อดีตกรรม ของลูกในชาติก่อนๆ ก็เลยคิดว่า เมื่อพ่อแม่ได้ทำกรรมอย่างนั้น ลูกก็ได้รับผลของกรรมอย่างนั้น.แต่ความจริงนั้น............ถ้าได้รู้อดีตกรรม ของลูกในชาติก่อนๆ ก็ต้องรู้ทีเดียวว่า ต้องเป็นผลของกรรม ของลูกเอง................ สมัยที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ท่านพระภิกษุทั้งหลายก็ได้ไปเฝ้า เพื่อกราบทูลถามถึงอดีตกรรม ของแต่ละบุคคล ในเหตุการณ์ นั้นๆ ......................................พระผู้มีพระภาค..............ก็ได้ทรงแสดงถึงอดีตกรรม ของแต่ละท่านในอดีต ซึ่งเป็นกรรมของบุคคลนั้นเอง ไม่ได้ทรงแสดงเลยว่า เพราะพ่อแม่ ทำกรรมไว้อย่างนี้.............................ลูกจึงได้รับผลของกรรม อย่างนั้น. ในสมัยนี้...ถ้า พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน แล้วมีผู้ที่ไปเฝ้า กราบทูลถามพระองค์ ถึงเหตุการณ์นี้ พระองค์ย่อมจะทรงแสดง อดีตกรรมของลูก ที่ได้กระทำแล้ว...แต่เมื่อไม่มีใคร สามารถรู้ อดีตกรรม ของแต่ละบุคคล ในชาตินี้ได้.......จึงสับสนปนกันระหว่าง กรรมของพ่อ และ กรรมของลูก........................... แต่ขอให้ทราบว่า..................................... ถ้าลูก ไม่มีกรรมจริงๆ ........ลูกก็ต้องไม่เกิด และถ้ากรรมของลูก ไม่ได้เป็นไป อย่างนั้น ผลที่เกิดกับลูกก็จะต้องไม่เป็นไปอย่างนั้น.
แต่เพราะกรรม ในชาติใด ชาติหนึ่ง.........ในสังสารวัฏฏ์
ลูกก็ต้องเคยได้กระทำกรรม เหมือนอย่างที่พ่อกระทำนั้นก็ย่อมเป็นไปได้ เพราะว่า ทุกคนที่เกิดมา ก็ทำกุศลกรรมและ อกุศลกรรมคล้ายๆ กันทั้งนั้น เช่น เรื่องการฆ่าสัตว์การถือเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตนด้วยกลวิธีต่างๆ เรื่องจิตใจ ที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งเป็นเหตุให้ทำอกุศลกรรม ต่างๆ ทางกาย วาจา ตั้งแต่สมัยอดีต
แสนโกฏิกัปป์มาแล้ว จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่พ้นจาก อกุศลกรรมบถ ๑๐.
ฯลฯท่านผู้ฟัง
ยังไม่กระจ่าง.....อาจารย์เคยรู้เห็นพระไตรปิฎกมามากในพระไตรปิฎก............ตัวอย่างเช่นนี้ มีหรือไม่ครับ.?ท่านอาจารย์
เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น และมีผู้มาเฝ้าทูลถามพระองค์ ทรงแสดงอดีตกรรม ของบุคคลนั้นแต่ ไม่ได้ทรงแสดง ว่า.................................. เพราะพ่อ ทำกรรมอย่างนี้ ลูก จึงเป็นเช่นนั้น.
แต่จะทรงแสดงกรรมของลูก ว่า สาหตุที่ทำให้เป็นอย่างนั้น เพราะครั้งหนึ่งในอดีต เคยกระทำกรรมอะไร จึงทำให้มีอันเป็นไป อย่างนั้นๆ ....................
ท่านผู้ฟัง
อันนี้ผมเข้าใจ...เรื่องกรรม แต่ว่าจะให้เห็นชัดๆ ที่พ่อทำมา ๒-๓ ปี ลูกเกิดมา...มือกุดไปเลย.!ท่านอาจารย์
เมื่อพ่อกระทำกรรมนั้นแล้ว................................ คิดว่าวันหนึ่ง พ่อจะได้รับผลของกรรมนั้นไหม.?หรือคิดว่า เมื่อลูกได้รับไปแล้ว........................... พ่อเลยสบาย...........ไม่ต้องรับผลของกรรมนั้น.?
ท่านผู้ฟัง
ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ...บาปที่หนักที่สุดคือ ทั้ง ๓ อย่างนี้เป็นบาปที่หนักและร้ายแรงที่สุด มีทั้ง โลภะ โทสะ โมหะ.....เพราะฉะนั้น จึงบันดาลให้พ่อได้เห็นเสียก่อน......และพ่อนั้น จะได้รับทุกขเวทนา ยิ่งกว่าลูกเสียอีกผมเข้าใจว่าอย่างนี้ครับ.................................................................!ท่านอาจารย์
แล้วลูกมีกรรมของตนเอง ที่จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าคะ.?
ท่านผู้ฟัง
ต้องมีครับ.ท่านอาจารย์
ค่ะ เพราะเป็นกรรมของลูก ที่ทำให้เป็นอย่างนั้น.
และ เป็นกรรมของพ่อ.........ที่ทำให้เห็นอย่างนั้น..
.
.
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตจที่เกื้อกูลทุกท่านค่ะ
อนุโมทนาคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ที่พ่อและลูกได้เกิดมาประสบพบเจอวิบากกรรมใกล้เคียงกันนั้นคงเป็นเพราะคนเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ คนที่มีศีลเสมอกันจึงได้มาเกิดใกล้กันมั้งคะ ขอบคุณ คก.ด้านบนมากนะคะที่ให้ความกระจ่างแจ้งและขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ