ตอนนี้อายุได้ 35 ปีแล้ว และยังไม่ได้แต่งงาน แต่ทางบ้านคือคุณพ่อและคุณแม่จะหาคนมาให้แต่งด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วตัวเองไม่อยากมีชีวิตคู่ ไม่อยากผูกพันกับผู้ชายคนไหนและไม่อยากมีลูกด้วยให้เป็นบ่วงของชีวิต ซึ่งพ่อบอกว่ามันบาปที่จะไม่ให้เค้ามาเกิดและบาปด้วยที่เราไม่แต่งงาน แล้วทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ว่า โดยอ้างว่าเมื่อจากโลกนี้ไปจะเป็นห่วงว่าเราจะลำบากอยู่ตัวคนเดียว เลยอยากทราบว่าการไม่แต่งงานจะทำให้เป็นคนบาปต่อพ่อแม่และต่อเด็ก (ซึ่งเรายังไม่ได้ทำให้เค้าเกิดในโลกนี้เลยด้วยซ้ำ) รึเปล่ารู้สึกไม่สบายใจเลย ช่วยตอบคำถามให้หน่อยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
คำว่า "บาป" เป็นชื่อของอกุศลธรรม มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น หรือในบางแห่งคำว่า บาป นั้นเป็นชื่อของการทำชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่เป็นอกุศลกรรมบถดังนั้น ตามนัยนี้ เพียงการไม่แต่งงานหรือการไม่มีลูก จึงไม่ใช่อกุศลกรรม (ไม่บาป) ส่วนการไม่เชื่อฟังคำแนะนำคำพ่อแม่ที่ท่านหวังดีต่อเรา อาจจะดูเป็นเด็กดื้อไปหน่อยแต่ถ้าเรายกเหตุผลส่วนตัว หลายๆ อย่างมาอธิบายให้ท่านฟัง ถ้าท่านรับฟังก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะหน้าที่ของลูกคือดูแลพ่อแม่ ถ้าไม่ทำเป็นบาปแน่ครับ
ตามการสั่งสมอุปนิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การไม่แต่งงาน ไม่บาปค่ะ คนที่
สะสมอุปนิสัยที่จะไม่แต่งงานเพราะเขาเห็นโทษของการครองเรือน ในครั้งพุทธกาลก็
มีคนสละทรัพย์สมบัติออกบวชมากมายและได้บรรลุเป็นอริยบุคคลค่ะ
ถ้าหมายถึง บาปที่เป็นอกุศลจิต ให้ทราบว่า มีบ่อยๆ จนดูเหมือนเป็นปกติธรรมดาครับ แต่ถ้าหมายถึง บาปที่เกิดเป็นการล่วงอกุศลกรรมบถนั้น กรณีที่ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูกให้พ่อแม่ ยังไม่ถึงกับเป็นบาปประเภทหลังครับ เพราะยังไม่มีการล่วงทุจริตใดๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจเลย
ทางกาย ยังไม่ได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ หรือ ประพฤติผิดในกามทางวาจา ยังไม่ได้พูดเท็จ พูดคำหยาบ ส่อเสียด หรือ เพ้อเจ้อทางใจ ยังไม่ได้คิดที่จะเอาของของผู้อื่นมาเป็นของตน ยังไม่ได้ คิดที่จะประทุษร้ายใคร ยังไม่ได้คิดไปในความเชื่อผิดๆ
แต่ที่เป็นทุกข์ใจ ก็เพราะ บาปที่เป็นอกุศล เกิดกับจิตของเราครับ ซึ่งถ้าได้ศึกษาธรรมะมากขึ้น เราก็จะเข้าใจความทุกข์ - ความสุขในชีวิตประจำวันตามความเป็นจริงมากขึ้นครับ ส่วนการแก้ไขเฉพาะหน้า ก็คือ ลองหาโอกาสบอกสิ่งที่อยู่ในใจลึกๆ ว่าเราคิดอย่างไร ความต้องการจริงๆ ของเราเป็นอย่างไรถามท่านว่า ลึกๆ ท่านคิดอย่างไร ท่านต้องการให้เราเป็นอย่างไร ถ้าไม่คุยกันก็จะเข้าใจตรงกันลำบากครับ ทุกคนย่อมรักสุขเกลียดทุกข์ คนในครอบครัวเดียวกันควรเหลียวแลความสุขซึ่งกันและกันครับ ...ขอเป็นกำลังใจให้ครับ...
เป็นอกุศลจิตแต่ไม่ได้ถึงกับล่วงออกมาทางกาย วาจาที่ผิดศีล
เป็นธรรมดา ...ให้เวลาที่มีมากให้กับการดูแลพ่อแม่ดีกว่า...
[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔-หน้าที่ ๕๐๐
ลูกเอ๋ยลุกขึ้นเถิด จะเศร้าโศกไปทำไม พ่อยกลูกให้ที่กรุงวารณวดีแล้วนะ พระเจ้าอันกรัตตะทรงงามสง่า พ่อยกลูกถวายพระองค์แล้ว.
ลูกจักเป็นเอกอัครมเหสีของพระเจ้าอันกรัตตะ ศีล พรหมจรรย์ บรรพชา ทำได้ยากนะลูกนะ.
อำนาจ ทรัพย์ ความเป็นใหญ่ โภคะ สุขในราชสมบัติ ทั้งลูกก็ยังเป็นสาว จงบริโภคถามเถิด ลูกจงวิวาหะเสียเถิด นะลูกนะ.
พระนางสุเมธากราบทูลพระชนกชนนีนั้นว่า อำนาจเป็นต้นเช่นนี้ อย่ามีมาเลย เพราะภพหาสาระมิได้ การบวชหรือความตายเท่านั้นจักมีแก่ลูก ลูกไม่ยอมวิวาหะแน่แท้.
สหายธรรมท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ในกระดานสนทนานี้ว่า"หลีกเลี่ยงได้ ถ้ามีปัญญา"............................
ขอบคุณค่ะที่ช่วยให้คำแนะนำ ขอถามอีกข้อได้มั้ยค่ะ ถ้าพ่อแม่ไม่ได้หาคู่ให้ลูกของตนได้ออกเรือนถื่อว่าบกพร่องของหน้าที่ของผู้เป็นพ่อแม่แล้วตัวผู้เป็นพ่อแม่จะบาปมั้ย เพราะพ่อกับแม่เครียดเรื่องนี้กันมากและเห็นเป็นเรื่องสำคัญเลยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ
ในสิงคาลกสูตรพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหน้าที่ของมารดาบิดา ตอนหนึ่งว่าแนะนำในความดีแก่บุตร ให้การศึกษา หาคู่ที่สมควรให้ จากข้อความในพระสูตรนี้ก็จะเห็นได้ว่า การหาคู่ครองที่สมควรแก่ฐานะของลูกเป็นหน้าที่ของมารดาบิดา แต่ถ้าท่านหาดูแล้วไม่เห็นผู้ที่คู่ควรกับลูก หรือลูกไม่ชอบใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนพอสมควร แต่ถ้าถามว่าจะเป็นบาปหรือไม่ ก็ควรย้อนไปอ่านตั้งแต่ความเห็นที่ ๑ เป็นต้นมาว่า บาปคืออะไร?
คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่สนับสนุนให้ลูกมีครอบครัวก็มีคะ จะมีหรือไม่มีครอบครัวคงเป็นไปตามเหตุปัจจัย ด้วย
ถ้าคุณเชื่อเรื่องของกรรม...ก็เป็นไปได้ที่คุณอาจจะอยู่เป็นโสด หรือได้ออกเรือนค่ะ
ขออนุโมทนาทุกความเห็นค่ะ ทุกความเห็นมีประโยชน์มีเหตุและผลควรพิจราณามากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แต่ก็ขึ้นอยู่ที่อุปนิสัยของแต่ละท่านที่ได้สะสมมาตั้งแต่อดีตไม่เหมือนกัน และธรรมะทั้งหลายก็เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครได้ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น
มีคู่หรือไม่มีคู่ ต่างก็มีโอกาสทึ่จะประสบกับความทุกข์ ความสุขนะคะ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่ได้เคยกระทำ มีตัวอย่างคนรอบข้างให้เห็นในชีวิตประจำวัน ถ้าเราแน่ใจจริงๆ ว่าได้สะสมอุปนิสัยที่ชอบอยู่เป็นโสด แต่ไม่ใช่เพราะไม่อยากมีความทุกข์นะคะ เพราะห้ามคงไม่ได้ อาจจะทุกข์จากเรื่องอื่นอยู่ดี ก็คงค่อยๆ หาทางอธิบายให้คุณพ่อ คุณแม่ฟังตอนท่านอารมณ์ดี เพราะท่านรักเราสุดหัวใจอยู่แล้วค่ะ
ที่ท่านคิดแบบนี้เพราะหวังดีต่อเราโดยยังไม่เข้าใจสัจธรรมคือความเป็นจริง อาจจะบอกท่านว่าในอนาคต ถ้าเจอคนดี คนถูกใจ ก็อาจจะตัดสินใจก็ได้ ซึ่งก็เป็นความจริง ไม่มีใครรังเกียจที่จะอยู่ใกล้คนดี ใช่ไหมคะ
ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือมีคู่ก็อบรมเจริญปัญญาได้ โดยการฟังพระธรรมให้เข้าใจค่ะ
00510 พรมหมจรรย์
พ. ก็เราจะบอกวัตรแห่งคฤหัสถ์แก่เธอทั้งหลาย สาวกกระทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สาวกผู้รู้แจ้งพึงเว้นอพรหมจรรย์เหมือนบุคคลเว้น หลุมถ่านเพลิงที่ไฟลุกโชนฉะนั้น แต่เมื่อไม่สามารถ ประพฤติพรหมจรรย์ ก็ไม่พึงก้าวล่วงภรรยาของผู้อื่น.
ธรรมิกสูตร [เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๓๖๐
ธรรมเตือนใจวันที่ : ๓๐-๐๗-๒๕๕๑
ขออนุโมทนาในทุกความเห็นครับ โดยเฉพาะความเห็นที่ ๑๓
"มีคู่หรือไม่มีคู่ ต่างก็มีโอกาสทึ่จะประสบกับความทุกข์ ความสุขนะคะ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่ได้เคยกระทำ มีตัวอย่างคนรอบข้างให้เห็นในชีวิตประจำวัน ถ้าเราแน่ใจจริงๆ ว่าได้สะสมอุปนิสัยที่ชอบอยู่เป็นโสด แต่ไม่ใช่เพราะไม่อยากมีความทุกข์นะคะ เพราะห้ามคงไม่ได้ อาจจะทุกข์จากเรื่องอื่นอยู่ดี"
ใช่ครับ หาโอกาสตอนท่านอารมณ์ดี อธิบายเหตุผล ที่เราต้องการอยู่เป็น
โสดให้ท่านฟัง อาจจะบอกท่านว่า ถ้าเราแต่งงานไป จะดูแลท่านได้ไม่เต็มที่ จึงอยาก
อยู่เป็นโสดเพื่อจะได้มีเวลาดูแลท่านได้มากขึ้น.......
สมาชิกในกระดานสนทนานี้ ล้วนเป็นกัลยาณมิตร กับคุณอมรรัตน์ ทั้งนั้น
เลยนะครับ ปรับทุกข์กันได้ตลอด.....
ขอให้คุณอมรรัตน์ค่อยๆ ศึกษา พระธรรม จากเวปนี้ไปเรื่อยๆ
อย่าทอดทิ้งไปเสียก่อน จะเป็นประโยชน์ทั้งในชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป.......
โลกธรรม ๘ ย่อมเกิดกับทุกคนครับ
มีลาภก็ย่อมมีเสื่อมลาภ
มียศก็ย่อมมีเสื่อมยศ
มีสุขก็ย่อมมีทุกข์
มีสรรเสริญก็ย่อมมีนินทา
ขอให้พระธรรม จงโน้มนำให้คุณอมรรัตน์ ได้เข้าใจชีวิต และแก้ปัญหาได้นะครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา