สนทนาธรรมที่เวียดนามครั้งที่ 12
ฮานอย นินห์บินห์
17 พ.ค. 61 - 27 พ.ค. 61
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้รับเชิญจากชมรมบ้านธัมมะเวียดนามให้มาสนทนาธรรมที่เวียดนามเป็นครั้งที่ 12 มีสมาชิกถาวรและไม่ถาวรที่ติดตามมาด้วยรวมทั้งหมด 12 คน (นับเฉพาะคนไทย ที่เดินทางพร้อมกัน) ท่านอาจารย์บอกว่า เพราะมีผู้ฟังแล้วเข้าใจจึงต้องไปทุกแห่งที่มีคนเชิญ ซึ่งแสดงว่าเขาอยากฟังความจริงที่ลึกซึ้ง แม้จะยากเพียงใด แต่เพราะมีการสะสมมาแล้วจึงสามารถเข้าใจได้ ความเข้าใจธรรมแม้เพียงเล็กน้อยในขั้นเริ่มต้นว่า “ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา” ทั้งของตนเองและของคนอื่นนั้นทำให้ปีติอย่างยิ่ง
ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ท่านอาจารย์ไม่รอโอกาสที่จะพูดธรรมให้ฟัง เพราะทุกอย่าง ทุกขณะเป็นธรรม ท่านบอกว่า ดีนะที่พวกเราทั้งศึกษาธรรม และได้พักผ่อนด้วย ชีวิตต้องเป็นปกติที่สุดจึงจะรู้ความจริงได้ ถ้าผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ให้รู้ว่า เพราะความเป็นเราที่เป็นทาสของความต้องการจึงทำอย่างนั้นบ้าง อย่างนี้บ้างที่จะทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้น แต่ยิ่งเข้าใจความเป็นธรรมเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งเห็นความยากที่จะละความต้องการด้วยความเป็นเราที่เกิดเกือบตลอดเวลา
เพราะความอ่อนเพลียจากการตื่นแต่เช้ามืด ทำกิจกรรมหลายอย่าง พอขึ้นเครื่องก็หลับเลย ตื่นขึ้นมาเห็นเครื่องบินวิ่งบนรันเวย์ จึงรีบปลุกคนข้างๆ ที่นั่งหลับตานิ่งให้ตื่น บอกให้เตรียมตัวลงได้แล้ว เพราะถึงฮานอยแล้ว เขาบอกว่า เครื่องยังอยู่สุวรรณภูมิเพิ่งจะวิ่งขึ้น เลยต้องหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความเอ็นดูตัวเอง แต่คนข้างๆ ไม่หัวเราะด้วย เพราะหงุดหงิดที่กำลังจะหลับแล้วถูกปลุกให้ตื่น เห็นได้ชัดว่า ภวังคจิตเป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรมที่ทำไว้แล้ว จะเกิดตอนไหนห้ามไม่ได้เลย ทำกิจดำรงภพชาติเท่านั้น ไม่รู้อะไรเลยว่า หลับไปนานเท่าไรแล้ว
ถึงสนามบินฮานอยที่สวยงามแปลกตาไปกว่าครั้งก่อนๆ เดินตาม ท่านอาจารย์และพี่เต่าที่นั่งรถเข็น มาครั้งที่ 12 เราคงแก่กว่าเก่ามาก เพราะเจ้าหน้าที่มาถามว่า มาดาม ต้องการรถเข็นด้วยไหม ต้องยืนยันว่ายังเดินไหว หรือเป็นเพราะท่านอาจารย์ที่อายุ 92 แล้วนั้นยังแข็งแรงมาก เขาคงกะอายุเราว่า คงใกล้ 90 แล้วมั้ง อันนี้หัวเราะไม่ออก ไม่ค่อยเอ็นดูเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นเท่าไร เธอคงไม่รู้ว่า ความเมตตาของเธอนั้นทำร้ายความรู้สึกของคนอายุ 60 กว่าขนาดไหน เห็นหรือยังว่า ความเป็นเราต้องการดูอ่อนกว่าวัยนั้นเกิดแล้ว เพราะปรากฏให้รู้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่า เป็นธรรม จึงเป็นเราที่เสียใจ. ต้องฟังธรรมต่อไป พิจารณาต่อไปจนกว่าจะรู้ ไม่มีวิธีอื่นนอกจากฟังให้เข้าใจขึ้นจริงๆ
ออกมาข้างนอก พบลูกหลานเวียดนามมาต้อนรับพร้อมช่อดอกไม้มากมาย คราวนี้มีพระมาต้อนรับด้วยหลายรูป มีคนใหม่ๆ อีกหลายคนที่นั่งคุกเข่าสองข้างทางที่ท่านอาจารย์เดินผ่าน จนการจราจรในสนามบินติดขัด เพราะผู้โดยสารอื่นที่เดินตามหลังเดินออกไม่ได้ เจ้าหน้าที่เดินมาบอกหลายครั้ง เขาคงแปลกใจว่า ท่านอาจารย์เป็นใคร จึงมีคนมาต้อนรับมากขนาดนี้ ถ้าเขาทราบคงจะหนาวที่ไม่มาร่วมต้อนรับด้วย เพราะท่านอาจารย์เป็นธรรมทูตที่นำมาความจริงอย่างที่สุดที่เขาอาจไม่เคยได้ยินมาก่อนในสังสารวัฏฏ์มาเผยแพร่ให้ผู้ที่สะสมมาแล้วได้เข้าใจความจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงแสดงไว้ดีแล้ว
อาหารเย็นมื้อแรกที่ฮานอย ตามรอยบารัค โอบามาที่มารับประทานเมื่อปี 2016 ตามที่มาดามแอ้นแนะนำ เป็นหมูย่างในน้ำซุบ พร้อมกับขนมจีนและผักสดจานใหญ่ อร่อยจริงๆ ค่ะ ซึ่งคุณวรรณีเจริญกุศลทั้งวัน ทั้งคอยดูแลรับใช้ท่านอาจารย์ เลี้ยงอาหาร แย่งออกค่ารถแท็กซี่ รวมทั้งคุณจิราพร เธอทั้งสองฉลาดในการนำทรัพย์ที่ต้องทิ้งไว้ในโลกนี้ติดตัวไปในภพต่อๆ ไป ส่วนเราฉลาดน้อยกว่าขอเก็บไว้ใช้ในชาตินี้ก่อน จึงได้แต่อนุโมทนาในกุศลจิตที่เกิดได้ยาก และคงชำนาญในการอนุโมทนาต่อไปเรื่อยๆ ตามเหตุปัจจัยค่ะ
.........
คลิกที่นี่เพื่อติดตามชม...การถ่ายทอดสดพร้อมคำแปลโดย Mama Dang Channel
และขอเชิญคลิกชมตอนต่อไปได้ที่นี่...
สนทนาธรรมที่เวียดนามครั้งที่ 12 (ตอนที่ ๒)
กราบอนุโมทนา บุญชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และทุกท่านที่ทำบุญมาดีแล้วค่ะ อนุโมทนา สาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุ
Anumodhana all the Vietnamese Dhamma friends ✨
กราบอนุโมทนาในความเมตตาของท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาพี่แดง กาญจนาด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบท้าวท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่และทุกๆ ท่านค่ะ
感恩!
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์และขออนุโมทนาค่ะ