คือธรรมเช่นไรครับ แล้วในพระไตรปิฎก พระธรรมปิฎกมีพระคัมภีร์อะไรบ้างครับ แล้วที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พุทธมารดามีเนี้อหาว่าอย่างไรครับ และเราจะจัดการกับความเครียดอย่างไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนว่า พระอภิธรรม เป็นธรรมที่มีจริง ละเอียดโดยความเป็นธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงสภาพธรรมนั้นๆ ไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สภาพธรรมที่เป็นพระอภิธรรม ตามความเป็นจริง แล้วทรงแสดงให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง พระอภิธรรม จึงไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวัน เป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย คิดนึก กุศล อกุศล เป็นต้น นี้แหละ คือ พระอภิธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน พระอภิธรรมจึงไม่ได้อยู่ในตำรา
พระอภิธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโปรดพระพุทธมารดา ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด ที่เป็นเรื่องของจิต เจตสิก รูป และ นิพพาน ซึ่งรายละเอียดก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากพระอภิธรรมปิฎก เริ่มตั้งแต่ธัมมสังคณีปกรณ์ เป็นต้นไป
แต่ก็ไม่ควรลืมว่า พระอภิธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ศึกษาพระอภิธรรม ก็คือ ศึกษาในสิ่งที่มีจริง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เพื่อละคลายความเห็นผิดและความไม่รู้ จากที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรมที่มีจริง ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่า มีแต่ธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น ที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่มีเราแทรกอยู่ในธรรมเหล่านั้นเลย
- ความเครียด เป็นธรรมที่มีจริง ในขณะที่เกิดความเครียด นั้น ไม่สบายใจ ทุกข์ใจ เป็นลักษณะของโทสะ การที่จะกำจัดความเครียดซึ่งเป็นอกุศลธรรมนั้น ต้องด้วยกุศลธรรมเท่านั้น
การเจริญกุศลประการต่างๆ พร้อมทั้งฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส และที่จะดับได้อย่างเด็ดขาด ไม่มีความเครียดที่เป็นโทสะเกิดขึ้นอีกเลย ต้องด้วยการอบรมเจริญปัญญาจนรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล จึงจะสามารถดับโทสะได้จนหมดสิ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอภิธรรมปิฎก เป็นธรรมที่ละเอียดยิ่ง ละเอียดเพราะ มีลักษณะให้รู้ และไม่สามารถเปลี่ยนลักษณะได้ เพราะฉะนั้น พระอภิธรรม ก็คือ สิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน พระอภิธรรมจึงไม่ใช่ที่อื่น สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในชีวิตประจำวัน เป็นอภิธรรม
พระอภิธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่ากับใคร กับ พุทธมารดา หรือ กับผู้อื่นบนโลกมนุษย์ ก็ไม่พ้นจาก จิต เจตสิก รูป หรือ ความจริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง โดยมาก เราก็คิดว่าเป็นเราที่เห็น แท้ที่จริง ก็คือ อภิธรรม ธรรมที่ทำหน้าที่เห็น คือ จิตเห็น ขณะที่ความเครียดเกิดขึ้น ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นอภิธรรมแล้ว ไม่สามารถบังคับไม่ให้เครียดเกิดขึ้นได้ เพราะ ความเครียดเป็นอกุศล ด้วยสะสมอกุศลมามาก จึงทำให้เกิดความเครียด
วิธีจัดการกับความเครียด คือ เข้าใจความเครียดที่เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ เป็นอภิธรรม เป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา
โทสะ ความเครียดเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น การเข้าใจว่าเป็นธรรม ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้นจัดการกับความเครียดแล้ว เพราะ ขณะนั้นไม่เครียดแต่เข้าใจ ครับ
หนทางก็คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพื่อเข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิด โดยเข้าใจว่า ไม่สามารถห้ามเครียดหรืออกุศลได้ แต่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ว่าป็นแต่เพียงธรรม ย่อมสามารถละกิเลส ความเครียดไม่เกิดขึ้นอีกเลยได้ในอนาคต ครับ
อภิธรรม จึงเป็นสิ่งที่มีจริง แม้ความเครียดก็มีจริง แต่พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ สภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ลึกซึ้งโดยอรรถ เพราะเห็นตามได้ยาก เพราะต้องเห็นด้วย ปัญญา เป็นสำคัญ ครับ แต่หนทางมี คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพรธรรม
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ลึกซึ้งโดยอรรถเห็นตามได้ยาก"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.คำปั่น, อ.ผเดิมและทุกๆ ท่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
พระอภิธรรมเป็นการแสดงเรื่องราวของสภาวธรรมล้วนๆ ไม่มีสัตว์ บุคคล วันเวลา สถานที่ แม้จะใช้ชื่อว่า จิต เจตสิก รูป ขันธ์ ธาตุ อายตนะ เหตุ ปัจจัย ฯลฯ ก็เพื่ออธิบายสภาวะที่มีอยู่เป็นอยู่จริงๆ ในขณะนี้ เพื่อให้เห็นถึงความเป็นธาตุแต่ละอย่าง และลักษณะที่เกิดดับตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีเรา ไม่มีคน สัตว์ วัตถุ มีแต่ธรรมล้วนๆ ค่ะ
การศึกษาพระอภิธรรม คือการศึกษาชีวิตที่มีจริงในขณะนี้ แต่ต้องเข้าใจด้วย ค่ะ
กราบนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
ศึกษาพระอภิธรรม คือ ศึกษาสภาพธรรมที่ทรงแสดงแต่ละหนึ่งๆ เป็นหนทางเริ่มต้นที่จะรู้จักชีวิตตามความเป็นจริง ว่าไม่มีสัตว์ บุคคล ไม่มีเรา ไม่มีเขา ทุกอย่างที่มีจริงเป็นสภาพธรรมทั้งหมด ความรู้ค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ ความเห็นผิด และความติดข้อง ตามระดับกำลังของความรู้ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
การศึกษาพระธรรม คือศึกษาพระปัญญาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเลิศที่สุดในจักรวาล จึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด จึงต้องเคารพและอดทนในการศึกษา โดยไม่ขาดการฟังพระธรรม
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ