ใน ขุททกนิกาย จุฬนิทเทส ภาค ๒ ขัคควิสาณสุตตนิทเทส มีข้อความว่า บุคคลเมื่ออนุเคราะห์พวกมิตร และพวกที่มีใจดี ย่อมให้ประโยชน์เสื่อมไป ย่อมเป็นผู้มีจิตผูกพัน บุคคลเมื่อเห็นภัยนั้นในความสนิทสนม พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น ที่ยกข้อความนี้มากล่าว ก็เพราะว่าเป็นเรื่องของการอนุเคราะห์ เป็นเรื่องของการให้ แต่ว่าการให้ที่เป็นประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่นนั้นก็มี แต่ว่าที่เป็นโทษทำให้ประโยชน์เสื่อมไปนั้นก็มี ถ้าการให้นั้นเป็นไปด้วยความเป็นผู้มีจิตผูกพัน นี่คือความละเอียด ซึ่งทุกท่านก็มีการอนุเคราะห์ มีการสงเคราะห์ มีการให้ มีการอุปการะกัน แต่การให้การอุปการะที่จะเป็นคุณประโยชน์จริงๆ นั้นเป็นอย่างไร ท่านแสดงไว้ว่า ความเป็นผู้มีจิตผูกพันนั้นด้วย เหตุ ๒ อย่าง คือ เมื่อตั้งตนไว้ต่ำ ๑ ตั้งคนอื่นไว้สูง ๑ หรือว่า เมื่อตั้งตนไว้สูง ๑ ตั้งคนอื่นไว้ต่ำ ๑ สำหรับการตั้งตนไว้ต่ำและตั้งคนอื่นไว้สูง ก็คือด้วยความคิดว่าคนอื่นเป็นผู้ให้ ตนเป็นผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เป็นบิณฑบาต เป็นจีวร เป็นเสนาสนะ ถ้าเป็นการให้ด้วยการผูกพัน ถ้าเป็นผู้รับก็ตั้งตนไว้ต่ำ ตั้งคนอื่นไว้สูง คือคิดว่าคนอื่นให้ตนรับ
ถ้าเป็นผู้ให้ด้วยความผูกพัน ก็ตั้งตนไว้สูง ตั้งคนอื่นไว้ต่ำ คือด้วยความคิดว่า ตนเป็นผู้ให้ คนอื่นเป็นผู้รับ เช่นมีความคิดว่า เพราะเราคนอื่นจึงถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต เป็นต้น และมีความคิดว่า เราย่อมบอกบาลีบ้าง อรรถกถาบ้าง ศีลบ้าง อุโบสถบ้าง แก่ท่านทั้งหลาย เมื่อเป็นดังนั้นท่านทั้งหลายยังสละฉัน ไปสักการะเคารพนับถือบูชาบุคคลอื่น เพราะ ฉะนั้น จึงชื่อว่าบุคคลเมื่ออนุเคราะห์พวกมิตรและพวกคนผู้มีใจดี ย่อมให้ประโยชน์เสื่อมไป ย่อมเป็นผู้มีจิตผูกพัน ทุกท่านที่เกิดมาก็ย่อมมีทั้งการให้และการรับ แต่ว่าการให้ของผู้ใดยังเป็นการให้ด้วยความผูกพัน การรับของผู้ใดเป็นการรับด้วยการผูกพัน
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 28