กราบเรียนท่านอาจารย์และท่านผู้รู้ครับ
ได้ฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ ตอนหนึ่งท่านอาจารย์กล่าวถึง
"สภาพธรรมปรากฏชัดเหมือนเห็นมะขามป้อมบนฝ่ามือ"
(คำอาจจะไม่ตรงตามที่ท่านอาจารย์พูดเป๊ะๆ
นะครับ แต่จับใจความได้ประมาณนี้)
ขอความกรุณาท่านอาจารย์และท่านผู้รู้ช่วยกรุณาขยายความด้วยครับ
กราบขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขณะนี้มีสภาพธรรมกำลังปรากฏ แต่ไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรม ตามความเป็นจริง เห็น แต่เห็น เป็นสัตว์ บุคคล ไม่ได้ตามความเป็นจริง ว่าเป็นแต่เพียงธรรมที่เป็นเพียง สี ที่ปรากฏทางตา และ ก็ยึดถือว่ามีสัตว์ บุคคล เพราะฉะนั้น ธรรมกำลังปรากฏอยู่ทุกขณะ แต่ไม่ได้ปรากฏกับ ปัญญา แต่ ถูกอวิชชา ปิดบังไว้ เปรียบเหมือน มีของบางสิ่งที่อยู่ในฝ่ามือ แต่ถูก ของบางสิ่ง ปิดบังไว้ไม่ให้เห็น หรือ เปรียบเหมือน ของบางสิ่งที่อยู่ไกล ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ ครับ
ดังนั้น คำว่า สภาพธรรม ปรากฏชัดเหมือนเห็นมะขามป้อมอยู่บนฝ่ามือ จึงหมายถึง สภาพธรรมปรากฏชัดกับปัญญา เปรียบเหมือน มะขามป้อม ที่วางอยู่ในฝ่ามือ ที่อยู่ใกล้สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน เพราะความที่อยู่ใกล้ ในฝ่ามือ และ เพราะไม่มีอะไรปิดบังเลย จึงชื่อว่า เหมือนเห็นมะขามป้อมอยู่ในฝ่ามือ สภาพธรรมที่เป็นปัญญาก็เช่นกัน เมื่อเกิดขึ้นรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ ที่กำลังปรากฏ ก็เห็นชัดเจนด้วยปัญญา สิ่งที่อยู่ไกล ก็เหมือนอยู่ใกล้ คือ ไกลด้วยความไม่รู้ ใกล้ด้วยปัญญา
ปรากฏใกล้เหมือนเห็นมะขามป้อมอยู่ในฝ่ามือ และ ไม่มีอะไรปิดปังที่เป็นอวิชชา ปิดบังปรากฏชัด เห็นได้ชัดเจน ดังเช่น การเห็นมะขามป้อมอยู่ในฝ่ามือ ครับ
ซึ่ง ข้อความ ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ที่ว่า ปรากฏชัด ดุจ มะขามป้อมบนฝ่ามือ เป็นการแสดงถึงคุณธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสรู้ธรรมทั้งปวง พระองค์ทรงเห็นตามความเป็นจริงทั้งหมด ไม่ถูกอะไรปิดกั้น เพราะ ทรงละกิเลส และความไม่รู้แล้ว ทรงเห็นได้ด้วยปัญญาในสภาพธรรมทั้งหมด ดุจุการเห็นมะขามป้อม ปรากฏบนฝ่ามือ ครับ
ซึ่ง สภาพธรรมที่เป็นปัญญานั่นเอง ที่จะเป็นแสงสว่าง เป็นตาปัญญาที่จะทำให้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ค่อยๆ เห็น สภาพธรรมที่กำลังมี กำลังปรากฏ และ เมื่อปัญญามีกำลัง ถึงพร้อม ย่อมเห็นตามความเป็นจริงของสภพาธรรม ก็ปรากฏชัดกับ ตา คือ ปัญญา ดังเช่น การเห็นมะขามป้อม อยู่บนฝ่ามือ ครับ ก็ต้องเริ่มด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิม คุณหมอ และทุกท่านครับ
กราบขอบพระคุณอาจารย์ผเดิมที่กรุณาอธิบายอย่างกระจ่างครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระมหากรุณาคุณของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะประมาณได้เลย พระองค์ทรงอุบัติขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง มีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลกทั้งปวง ทั้งเทวดา พรหม และ มนุษย์ทั้งหลาย, พระมหากรุณาที่ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกนั้น ก็ด้วยพระธรรมคำสอนของพระองค์ ที่เป็นแสงสว่างทำลายความมืดคืออวิชชา (ความไม่รู้) ที่ปกปิดไม่ให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง
เพราะมีการตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริงของพระองค์ จึงเป็นเหตุให้สัตว์โลกที่สะสมเหตุที่ดีมา มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษา และได้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ แต่ไม่เคยรู้ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งแสดงถึงสิ่งที่มีจริงทั้งหมด จากที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าขณะนี้เป็นธรรม ก็จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ มีความเข้าใจว่าธรรมไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน มีจริงในขณะนี้ และสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ นั่นเอง ที่จะเป็นที่ตั้งให้สติเกิดขึ้นระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และปัญญารู้ตามความเป็นจริง เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จริงๆ
ทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ จะให้มีการระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏโดยปราศจากความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรม ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณอาจารย์ผเดิม, อาจารย์คำปั่น และสหายธรรมทุกท่านครับ
ขอบพระคุณมาก น้อมอนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น เป็นอย่างสูงครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ