การไม่ใส่บาตร
โดย suwatlmt  15 มี.ค. 2549
หัวข้อหมายเลข 923

การที่ไม่ใส่บาตร ไม่ได้หมายความว่าไม่ศรัทธาเลื่อมใสแต่อย่างใด เพียงแต่เห็นว่าพระที่บิณฑบาตรผ่านหน้าบ้าน มีลูกศิษย์ถือย่ามใส่ของที่เขาใส่บาตรมากมาย จึงไม่อยากใส่เพราะมันเกินความจำเป็นของพระ คิดแบบนี้ถูกหรือผิด เพราะการทำบุญก็มีถึง 10 อย่าง ไปอย่างอื่นทดแทนกันได้หรือไม่ บางคนอาจค้านว่า ถึงแม้พระไม่ได้ฉันของเรา ท่านก็นำไปทำทานต่อกับชาวบ้านหรือลูกศิษย์ ก็จริงอยู่ แต่เราตั้งเจตนาว่าจะใส่บาตรพระ ไม่ใช่ใส่ให้เป็นทานแก่ลูกศิษย์ ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ใจแคบเกินไปหรือเปล่า แล้วควรทำอย่างไร ใส่ดี หรือไม่ใส่ดี


ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 16 มี.ค. 2549

การให้ทานเป็นการดี มีน้อยก็ให้น้อย มีมากก็ให้มาก การไม่ให้เลยไม่ควรการถวายอาหารบิณฑบาตร จีวร เสนาสนะ ยารักษาโรค แก่พระภิกษุสงฆ์เป็นการให้เพื่อบูชาคุณของพระอริยสงฆ์ ถ้าท่านขาดสิ่งใดควรถวายสิ่งนั้นบางอย่างที่ท่านมีมากเกินความจำเป็นเราควรถวายสิ่งอื่น เช่น อาหารท่านมีมากเราก็ซื้อสบู่ยาสีฟันยาต่างๆ ถวายไปก็ได้ อนึ่ง การให้ทานควรให้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ผู้รับจะเป็นใครก็ได้ และไม่ควรละเลยการทำบุญอย่างอื่นที่นอกเหนือจากทาน เพราะบุญมีถึง ๑๐ ประการ การอุทิศส่วนบุญที่ทำแล้วก็ดี การอนุโมทนาเมื่อผู้อื่นทำความดีก็ดี การช่วยเหลือแรงงานผู้อื่นก็ดี การรักษาศีลก็ดี การฟังธรรมก็ดีการระลึกถึงพระพุทธคุณก็ดี การมีเมตตาก็ดี การระลึกรู้สถาพธรรมที่กำลังปรากฏก็ดี ก็ล้วนเป็นบุญทั้งนั้น


ความคิดเห็น 3    โดย study  วันที่ 16 มี.ค. 2549

ถูกครับ เมื่อให้ทานไปแล้วของสิ่งนั้นก็เป็นของผู้รับทานไม่ใช่ของเราแล้ว ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับของที่ให้ไปแล้ว เพราะขณะที่ห่วงใยจิตเป็นอกุศล


ความคิดเห็น 4    โดย prachern.s  วันที่ 16 มี.ค. 2549

กุศลทุกประการเพื่อการละเท่านั้น ไม่ควรผูกพันกับทานที่ให้ไปแล้ว


ความคิดเห็น 5    โดย pornchai.s  วันที่ 16 มี.ค. 2549

อย่าดูหมิ่นบุญกรรมจำนวนน้อย จะไม่ต้อยตามต้องสนองผลอันตุ่มน้ำเปิดหงายรับสายชล ย่อมเต็มล้นด้วยอุทกที่ตกลงเช่นบัณฑิตสั่งสมบ่มบุญบ่อย ทีละน้อยอบรมไปไม่ใหลหลงย่อมเต็มด้วยบุญนั้นเป็นมั่นคง บุญย่อมส่งสบสถานวิมานทอง


ความคิดเห็น 7    โดย paderm  วันที่ 17 มี.ค. 2549

อบรมบารมีในชีวิตประจำวัน


ความคิดเห็น 8    โดย shumporn.t  วันที่ 18 มี.ค. 2549

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า:

ชนเหล่าใดมีใจผ่องใสแล้วให้อาหารนั้นด้วยศรัทธา อาหารนั้นแลย่อมพะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงนำความตระหนี่ออกไปเสีย พึงข่มความตระหนี่ซี่งเป็นตัวมลทิน แล้วให้ทาน เพราะบุญทั้งหลายเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า


ความคิดเห็น 10    โดย natnicha  วันที่ 21 มี.ค. 2549

โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว ควรจะอยู่ที่ความตั้งใจของเรามากกว่าถ้าเราตั้งใจถวายอาหารแก่พระภิกษุนั้น และพระท่านก็ได้รับไว้แล้ว ก็น่าจะทำให้เราเกิดปีติยินดี ถ้าเราคิดมากไปกว่านี้จิตก็จะเป็นอกุศลเปล่าๆ ถ้าสิ่งที่คนถวายนั้นมากเกินไปสำหรับท่าน ท่านจะนำไปให้กับใคร เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลอื่นนั้นก็สุดแล้วแต่ท่าน เพราะคงจะดีกว่าต้องนำอาหารเหล่านั้นไปทิ้งซึ่งก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หรือเก็บไว้ฉันในวันต่อไปซึ่งก็คงไม่เหมาะสม เราควรจะดูที่เจตนาเรามากกว่าที่จะดูการกระทำของผู้อื่น ลูกศิษย์ไม่ทราบว่าในที่นี้จะหมายถึงเด็กวัดหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วคนเหล่านั้นก็น่าสงสาร จะเนื่องจากทางบ้านยากจนหรือขาดผู้อุปการะจึงต้องมาอยู่ที่วัด เราก็ควรมีใจอนุเคราะห์และยินดีที่ได้ช่วยเหลือคนเหล่านั้นด้วย


ความคิดเห็น 12    โดย เบิ้ม  วันที่ 25 มี.ค. 2549
อนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 13    โดย TonPoo  วันที่ 23 พ.ค. 2549

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า

"บุคคนใดรู้ผลของทานเหมือนที่พระองค์รู้แล้ว ไซ้รผู้นั้นจะไม่บริโภคก่อนที่จะให้ทานเลย"


ความคิดเห็น 14    โดย suwit02  วันที่ 25 ส.ค. 2551

สาธุ