เมื่อจิต เป็นนามธรรม เป็นสภาพการรู้ อยากถามว่า แล้วอะไรเป็น สิ่ง หรือ ตัว ที่ รับรู้ สิ่งที่ผ่านมาจากจิต ครับ
จิตและเจตสิกเป็นสภาพรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอารมณ์ของจิตเจตสิก แต่ในขณะเดียวกันจิตเจตสิกที่เกิดหลังๆ ก็รู้จิตเจตสิกที่เกิดก่อนๆ ได้ โดยเฉพาะพระสัพพัญญุตญาณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรขัดขวางได้เลย พระญาณก็เป็นเจตสิกเมื่อเกิดย่อมเกิดร่วมกับจิต สรุปคือสภาพรู้จิต ก็คือจิตและเจตสิก
อยากถามต่อไปว่า จิต และเจตสิก เป็นสภาพ หรือสภาวะ และ เป็นนามธรรม ทำไม ถึงรับรู้สิ่งที่ผ่านเข้ามาได้ครับ ถ้าผมเข้าใจอะไรผิด ก็ช่วยอธิบายให้ด้วยครับ และ ช่วยอธิบายแบบง่ายๆ สำหรับคนธรรมดาด้วยนะครับ
สภาพรู้ต้องเป็นนามธรรม แต่อาศัยรูปเกิดขึ้น เช่น ทางตาจิตเห็นเกิดขึ้น เพราะมีอารมณ์มากระทบและเพราะมีตา (ปสาท) จิตและเจตสิกจึงเกิดขึ้นรู้ได้ ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็เช่นกันสรุป คือ การรับรู้อารมณ์หรือสิ่งที่มาสู่คลองตามทวาร เพราะอาศัยรูปและนาม จิตจึงเกิดขึ้นรู้ได้ (หมายถึง ภูมิที่มีขันธ์ ๕) ถ้าไม่มีรูป จิตและเจตสิกก็เกิดขึ้นไม่ได้
สภาพรู้ต้องเป็นนามธรรม แต่อาศัยรูปเกิดขึ้น เช่น ทางตาจิตเห็นเกิดขึ้น เพราะมี อารมณ์มากระทบผมเข้าใจอย่างนี้ครับว่า สภาพรู้ เกิดขึ้น แต่ปรากฏที่รูป เช่น การ เห็น เห็นที่ตา แต่อยากทราบว่าแล้วใคร หรือ สิ่งใด หรือ อะไรครับ ที่เป็นตัวรู้ เพราะ รูปเป็นแค่เพียงฐานเพื่อรองรับ การรู้ และรูปนั้น ไม่อาจรับรู้ได้ ช่วยอธิบายให้ความ กระจ่างหน่อยครับ ผมยังอาจงงๆ อยู่
สภาพรู้ สิ่งที่รู้ กิริยาที่รู้ อาการรู้ ลักษณะรู้ ก็คือ จิตและเจตสิก
อยากถามว่า เราจะอธิบาย คำว่า นามธรรม และ สภาพรู้ นั้น ให้เข้าใจอย่างง่ายๆ อย่างไร ครับ
นามธรรม หรือ สภาพรู้ ภาษาทั่วไปที่กล่าวกันว่า จิตใจ ความรู้สึกคิดนึก ตัวอย่าง ทางตาสภาพรู้ทางตาเป็นนาม รูปที่มากระทบและตารู้อะไรไม่ได้ ทางหู จมูก ลิ้น กาย ก็เช่นกัน นามเป็นสภาพรู้สิ่งที่มากระทบ ส่วนทางใจสภาพที่รับรู้ ความรู้สึก สบาย ความหิว คิดนึกความจำ ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความฉลาด ความดีใจ เมตตา ความสงสาร เป็นต้น ทั้งหมดเป็นนาม เป็นสภาพรู้
ขออนุโมทนาครับ