เมื่อรูปใดเกิดขึ้นกระทบกับปสาทรูปใด และกระทบภวังค์ วิถีจิตจะเกิดขึ้นทันทีไม่ได้ แต่เพื่อกำหนดให้รู้ว่ารูปเกิดขึ้นกระทบภวังคจิตขณะใด จึงบัญญัติภวังคจิตที่รูปเกิดขึ้นกระทบนั้นว่า “อดีตภวังค์” คือ เป็นภวังค์ที่เหมือนกับภวังค์ก่อนๆ แม้ว่ารูปจะเกิดดับเร็วมาก แต่จิตก็เกิดดับเร็วกว่ารูป สภาวรูปรูปหนึ่งเกิดดับเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ
ฉะนั้น อดีตภวังค์ คือ ขณะที่รูปเกิดกระทบกับปสาทรูปและกระทบกับภวังค์ขณะนั้น ทั้งนี้ เพื่อให้รู้ว่ารูปที่กระทบปสาทรูปและกระทบกับอตีตภวังค์นั้นจะดับเมื่อไร เพราะรูปหนึ่งมีเพียงอายุจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะเท่านั้น
เมื่ออดีตภวังค์ดับไปแล้วก็เป็นปัจจัยให้ภวังคจิตดวงต่อไปไหวเป็น “ภวังคจลนะ” ซึ่งยังเป็นภวังคจิตอยู่ เพราะวิถีจิตจะเกิดขึ้นคั่นกระแสของภวังค์ทันทีไม่ได้ เมื่อภวังคจลนะดับไปแล้วภวังคจิตที่เกิดต่อเป็น “ภวังคุปัจเฉทะ” คือ เป็นภวังคจิตที่ตัดกระแสของภวังค์เพราะเป็นภวังคจิตดวงสุดท้ายของกระแสภวังค์ เมื่อภวังคุปัจเฉทะดับไปแล้ว วิถีจิตจึงเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่ปรากฏทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจได้
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป
สาธุ
กราบแทบเท้าระลึกถึงพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์
กราบอนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุค่ะ