ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
วันพุธที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา
ท่านพฤษภา พนมยันตร์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
ได้กราบเรียนเชิญท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร ของมูลนิธิฯ
ไปสนทนาธรรมกับ คณะผู้พิพากษา ผู้พิพากษาสมทบ และข้าราชการศาล
ณ ห้องประชุม ๗๒ พรรษา มหาราชินี ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนราชินี
ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.
ได้ทราบว่า ท่านอธิบดีได้ติดตามรับฟังธรรมที่ท่านอาจารย์บรรยายมานานหลายปีแล้ว
การจัดให้มีการสนทนาธรรมในครั้งนี้ นอกจากท่านจะโทรศัพท์ติดต่อมาที่มูลนิธิฯ
ด้วยตนเองแล้ว ท่านยังเดินทางมากราบเรียนเชิญท่านอาจารย์ถึงมูลนิธิฯอีกด้วย
สำหรับข้าพเจ้า นี้เป็นกาละและโอกาส ที่น่าชื่นชมและน่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง
จำนวนท่านผู้พิพากษา ในวันนั้น เกือบเต็มห้องประชุม ทุกท่านนั่งฟังการสนทนาธรรม
อย่างตั้งใจ ด้วยความเคารพธรรม ทำให้ข้าพเจ้าได้คิดว่า เพราะทุกท่าน เป็นผู้พิพากษา
ที่ต้องให้ความยุติธรรมในคดีต่างๆ การฟังด้วยดีของท่าน เป็นอุปนิสัย ที่เป็นคุณลักษณะ
ที่ท่านสะสมมา ข้าพเจ้าได้เห็นแล้วรู้สึกประทับใจมากๆ ครับ
"...ได้ยินว่า พระมหาจุนทเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
การฟังดีเป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญา
บุคคลจะรู้ประโยชน์ก็เพราะปัญญา
ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้ว ย่อมนำสุขมาให้..."
ก่อนการสนทนาธรรม พิธีกรได้กล่าวถึงประวัติการศึกษาธรรมและเผยแพร่พระธรรม
ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ นับเป็นประวัติที่ค่อนข้างละเอียดครั้งหนึ่ง
จากที่เคยได้ยิน ได้ฟังมา ทำให้รู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของท่านอาจารย์
ที่ได้เผยแพร่ความเห็นถูก ในพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดง มาเป็นเวลาที่ยาวนานมาก เกือบ ๖๐ ปีแล้ว ครับ
การสนทนาในวันนี้ ก็เป็นเรื่องเดิมๆ อย่างที่ท่านอาจารย์เคยปรารภไว้
ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ แต่ว่า ฟังกี่ครั้งๆ ก็เป็นประโยชน์มาก
เพราะเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้มีความมั่นคงขึ้น ในธรรมะ
อันจะเป็นอาหาร เป็นปัจจัยให้สติเกิดขึ้น ระลึกรู้ปัจจุบันขณะ โดยความเห็นที่ถูกต้อง
ว่าธรรมทั้งหลาย ที่เกิดขึ้น และดับไปในทุกๆ ขณะนี้ หาใช่ตัวตน สัตว์บุคคลใดไม่
บ่อยๆ เนืองๆ นิดๆ หน่อยๆ จนกว่าจะชัดเจน แจ่มแจ้งแก่ปัญญา ที่อบรมไว้ดีแล้ว
ซึ่งก็ต้องเป็นไปโดยลำดับขั้น และ ต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนาน
แต่เริ่มได้ จากความเข้าใจขั้นการฟัง ในขณะนี้
คุณคำปั่น ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
คณะวิทยากร และสวัสดี ท่านผู้ร่วมสนทนาธรรม ทุกท่านครับ
สำหรับวันนี้ก็เป็นวาระที่ดีอีกวันหนึ่ง ที่จะได้มีโอกาสสนทนาธรรมะ เพื่อความเข้าใจธรรมะ
ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นะครับ
โดยมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิ พร้อมด้วยคณะวิทยากร
สำหรับการสนทนาธรรมะในวันนี้ นะครับ เกิดขึ้นได้ ด้วยความเห็นประโยชน์
ของความเข้าใจธรมะ ของท่านพฤษภา พนมยันตร์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน
และครอบครัวกลาง ซึ่งเป็นผู้ฟังพระธรรมมาหลายปี นะครับ
เป็นปรกติของผู้มีความเข้าใจธรรมะ ก็จะมีความประสงค์ ที่จะให้ผู้อื่น
ได้เข้าใจธรรมะตามด้วย จึงได้จัดให้มีการสนทนาธรรมะ ในวันนี้ นะครับ
เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ในชีวิต ก็คือ มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม
สะสมความรู้ ความเข้าใจธรรมะ อย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง
เพราะว่า "ปัญญา" หรือ "ความเข้าใจธรรมะ" นั้น เงินทอง ไม่สามารถซื้อได้
แต่สามารถ อบรม เจริญได้ ในชีวิตประจำวัน จากการฟัง การศึกษาพระธรรม
เหมือนเช่น ในขณะนี้ ครับ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงแสดงว่า สิ่ง ๓ สิ่ง จะบรรจบพร้อมกันนั้น
เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ก็คือ
๑. โอกาสที่พระตถาคต อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะสเด็จอุบัติขึ้น ในโลก
๒. โอกาสที่บุคคลๆ นั้น ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และ
๓. เป็นโอกาสที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่
เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ ทุกคน ทุกท่าน ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้เกิดในกาลสมัย
ที่พระธรรม คำสอน ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังดำรงอยู่
ก็เป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้สนทนาธรรมะ เพื่อความเข้าใจธรรมะ สืบต่อไป นะครับ
สำหรับ ในช่วงแรกนี้ ก็จะกราบเรียนท่านอาจารย์ ได้กล่าวถึง "ธรรมะ"
เพราะว่า ขณะนี้ ทุกท่านกำลังฟังธรรมะ แล้ว "ธรรมะ" คือ อะไร?
ต้องไปแสวงหาธรรมะที่ไหน? หรือไม่? กราบเรียนท่านอาจารย์ ครับ
ท่านอาจารย์ ทุกคนก็ คุ้นหู กับคำว่า "ธรรมะ" ตั้งแต่เด็ก นะคะ
แม้แต่ ยุติธรรม ก็มีคำว่า "ธรรมะ"
แต่ว่า มีกี่คน? ที่จะสนใจ ที่จะ "เข้าใจ" ความหมายจริงๆ
ตามที่พระผู้มีพระภาค ได้ทรงแสดง
เพราะว่า ส่วนใหญ่ เราก็ได้ยิน ได้ฟังอะไร แล้วเราก็เข้าใจ ตามที่เราเข้าใจ
เช่น พระรัตนตรัย นะคะ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์
เราก็ได้ยินมาอย่างนี้ นะคะ แต่ว่า แม้แต่ทุกคำที่ได้ยิน เนี่ยค่ะ มีความลึกซึ้ง
ซึ่งถ้าไม่ศึกษาจริงๆ นะคะ เราก็จะ "เผิน" ไปตลอดชีวิต
แล้วก็ "คิดว่า" เราเข้าใจ (แล้ว) ทุกคำ
แต่ว่า ตามความเป็นจริงนะคะ พุทธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จากการดับกิเลส
เพราะฉะนั้น ต้องเป็นสิ่งซึ่ง ใช้คำว่า น่าอัศจรรย์ที่สุด นะคะ
ที่สามารถจะมี ผู้ที่อบรมบารมี จนกระทั่ง สามารถที่จะดับกิเลสได้ ไม่มีกิเลสเหลือเลย
ซึ่งในยุคไหนๆ ก็ตามค่ะ เกิดมา ด้วยกิเลส แล้วก็ ยังไม่สามารถที่จะดับกิเลส
จึงได้มี ชีวิต ซึ่งวุ่นวาย เดือดร้อน ตั้งแต่เกิด จนกระทั่ง จากโลกนี้ไป
ที่จะกล่าวว่า ไม่มีใคร ที่จะพ้นความทุกข์ หรือความเดือดร้อน หรือ ความวุ่นวายไปได้
ก็เป็นความจริง ซึ่ง "คุ้น" จนกระทั่ง ไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์
ซึ่งเกิดมาแล้วเนี่ยค่ะ ถ้าไม่มีมารดา บิดา เลี้ยงดู จะมีชีวิตอยู่ได้ไม๊?
เพียงแค่เกิด นะคะ แต่ก็ ยังไม่สามารถที่จะมีชีวิต อยู่ต่อไปได้
แต่ลึกยิ่งกว่านั้น ก็คือว่า
เกิดจากอะไร? (ที่) ทำให้แต่ละคนเนี่ยค่ะ ต่างกันไป หลากหลายกันไปมาก
นี่คือ พระธรรม นะคะ ที่ได้ทรงแสดงความจริงที่มีอยู่ ในแต่ละชีวิต เนี่ยค่ะ
ทุกขณะ อย่างละเอียด ลึกซึ้งยิ่ง
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ประมาทเลย ในแม้ ๓ คำ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงตรัสรู้ความจริง ที่สามารถที่จะดับกิเลส ซึ่งทำให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวง
แล้วก็ได้ทรงพระมหากรุณา แสดงพระธรรม ให้คนอื่น มีโอกาสได้ฟัง
ได้เข้าใจ ความลึกซึ้ง ของ "ปัญญา" ที่สามารถที่จะ "เข้าใจ" ลักษณะ ของสภาพธรรมะ ได้
ถ้า "เริ่มต้น" ตามลำดับ
เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมะ นะคะ ก็เหมือนกับ การศึกษาทั่วๆ ไป
ซึ่งจะ "ข้ามขั้น" ไม่ได้เลยค่ะ
เริ่มต้น ตามลำดับ ทุกคำ ตั้งแต่คำแรก คือคำว่า "ธรรมะ"
"ธรรมะ" คือ สิ่งที่มีจริงๆ นะคะ เราก็อาจจะไม่เคยได้ฟังมาก่อน
ว่า "ขณะนี้" อะไรจริง? และ ขณะนี้ มีธรรมะ หรือไม่?
ถ้าไม่มีธรรมะ ในขณะนี้ นะคะ
ไร้ประโยชน์ ที่จะกล่าวถึง "ธรรมะ"
แต่ผู้ที่มีความละเอียด มีความตรง และ (มี) เหตุผล ก็จะรู้ได้ว่า
เพราะไม่รู้ จึงฟังพระธรรม เพื่อที่จะได้ "เข้าใจ" ความจริง
ซึ่งพระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงความจริง ทุกขณะ ตั้งแต่เกิด จนตาย
เพราะฉะนั้น ขณะนี้ นะคะ "เริ่มต้น" จากความหมายของคำว่า ธรรมะ คือ อะไร?
"ธรรมะ" คือ สิ่งที่มีจริงๆ ค่ะ สิ่งที่ไม่จริง เป็นเท็จ ไม่มีประโยชน์
หรือว่า สิ่งที่ไม่มี แล้วมานั่งศึกษา ก็ไม่เป็นประโยชน์
แต่ต้องมี "สิ่งที่กำลังมี เดี๋ยวนี้"
ให้สามารถที่จะ "เข้าใจความจริง" ของสิ่งนั้นได้ และ
ความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คือ ธรรมะ
เพราะฉะนั้น แม้แต่คำว่า ธรรมะ เนี่ยค่ะ
ไม่ค่อยคุ้นหู ว่าหมายความถึง สิ่งที่มีจริง ทุกขณะ
เพราะฉะนั้น ขณะนี้นะคะ ผู้ฟัง เนี่ยค่ะ ต้องเริ่มคิด ไตร่ตรอง พิจารณา ด้วยตัวเอง
"ธรรมะ" คือ สิ่งที่มีจริง
เดี๋ยวนี้....อะไร?....มีจริง.....
ยาก ที่จะคิดเองได้ นะคะ แต่ถ้าได้ฟังพระธรรมมา ก็สามารถที่จะกล่าวได้ว่า
ปรกติ ขณะนี้ สิ่งที่กำลังมี นั่นแหละ จริง
เช่น "เห็น" มีจริงๆ ....."ได้ยิน" มีจริงๆ ....."คิด" มีจริงๆ ....."สุข" มีจริงๆ ...."ทุกข์" มีจริงๆ
สิ่งที่กำลังมีจริงๆ ในขณะนี้ ค่ะ เป็นธรรมะ ทุกอย่าง
"เห็น" ก็เป็นธรรมะ
"ได้ยิน" ก็เป็นธรรมะ
...ได้กลิ่น,ลิ้มรส,รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส....ตั้งแต่เกิด จนตาย...
ถ้าไม่มีธรรมะเกิดขึ้น โลกนี้ ก็ไม่มีอะไรเลย
เพราะฉะนั้น แม้แต่สิ่งที่กำลังปรากฏ เนี่ยนะคะ
ก็ไม่รู้ลึกลงไปว่า ที่ปรากฏได้ เพราะต้องเกิดขึ้น นี่คือ ความเข้าใจ สิ่งที่มีในขณะนี้ นะคะ
ค่อยๆ เข้าไปถึง พระปัญญาคุณ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ว่าทรงแสดงความจริง ทั้งหมด นะคะ ในพระไตรปิฎก ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น
พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก
จะไม่พ้นจาก สิ่งที่มีจริงๆ ใขณะนี้
ซึ่งเป็น ธรรมะ
เพราะฉะนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลย นะคะ ว่าสิ่งที่มีจริงขณะนี้ เกิด....จึงปรากฏ....
และ เกิด โดยที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่สามารถจะทำให้เกิดขึ้น
และ ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้
การฟังธรรมะ รวดเดียว ตั้งแต่ต้น เนี่ยนะคะ ก็ยากที่จะเข้าใจ
นอกจากฟังครั้งแรก ก็เริ่มที่จะได้ยินคำ ที่เป็นความหมายอีกอย่างหนึ่ง
คือ "ธรรมะ" หมายความถึง สิ่งที่มีจริงๆ
แต่ ต้องไตร่ตรอง จนกระทั่ง เข้าใจ ในสิ่งที่ได้ฟัง ว่าถูกต้องไหม?
เช่น ขณะนี้ นะคะ "เห็น" เป็น ธรรมะ มีจริงๆ ถูกต้องไหม?
"เกิดเห็น" ถ้าเห็นไม่เกิด ก็ไม่เห็น
เพราะฉะนั้น ขณะนี้ นะคะ ที่กำลังเห็น เนี่ย "เห็น" เกิดแล้ว ทำหน้าที่ "เห็น" ไม่ใช่ได้ยิน
"ได้ยิน" ก็ต้องเกิด ได้ยิน ทำหน้าที่ "ได้ยิน" ไม่ใช่ทำหน้าที่เห็น
เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเนี่ยค่ะ เป็นธรรมะที่มีจริง เพราะเกิดขึ้น นะคะ
แล้วก็หลากหลาย มากมาย นับประมาณไม่ได้เลย ตั้งแต่เกิด จนตาย
แต่ว่า ไม่พ้นจาก ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ
เพราะฉะนั้น การที่จะ ศึกษาธรรมะ เนี่ยค่ะ
ต้องละเอียด ช้าๆ
เพราะต้อง ไตร่ตรอง แล้วก็ พิจารณา
กราบอนุโมทนา ท่านพฤษภา พนมยันตร์
อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
ในกุศลศรัทธา เห็นประโยชน์ของการเข้าใจพระธรรม และได้อนุเคราะห์เกื้อกูล
ให้ผู้อื่น ได้มีโอกาสอันเลิศนั้นด้วย ครับ
แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ แต่ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
สำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ ในการฟัง การศึกษา พระธรรม เพื่อสะสมความรู้
ความเข้าใจ ที่ถูกต้องในธรรมะ ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
และทรงมีพระมหากรุณา แสดงไว้ เพื่อเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริงของบุคคล
ในการเดินทางอันยาวนานในสังสารวัฏฏ์
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาท่านวิทยากร
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัยและทุกๆ ท่านครับ
กราบเท้าอนุโมทนาในกุศลเมตตาของท่านอาจารย์สุจินต์ และท่านอาจารย์วิทยากร
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัย ณ กาลครั้งนี้ และทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้องครับ
ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ก็จะไม่มีเครื่องลับปัญญาให้คมกล้า
...........
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนาอาจารย์วิทยากร และทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้องค่ะ
ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ
การฟังธรรม การสอบถามผู้รู้ เป็นอาหารของปัญญา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การสนทนาในวันนี้ ก็เป็นเรื่องเดิมๆ อย่างที่ท่านอาจารย์เคยปรารภไว้
ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ แต่ว่า ฟังกี่ครั้งๆ ก็เป็นประโยชน์มาก
เพราะเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้มีความมั่นคงขึ้น ในธรรมะ
อันจะเป็นอาหาร เป็นปัจจัยให้สติเกิดขึ้น ระลึกรู้ปัจจุบันขณะ โดยความเห็นที่ถูกต้อง
ว่าธรรมทั้งหลาย ที่เกิดขึ้น และดับไปในทุกๆ ขณะนี้ หาใช่ตัวตน สัตว์บุคคลใดไม่
บ่อยๆ เนืองๆ นิดๆ หน่อยๆ จนกว่าจะชัดเจน แจ่มแจ้งแก่ปัญญา ที่อบรมไว้ดีแล้ว
ซึ่งก็ต้องเป็นไปโดยลำดับขั้น และ ต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนาน
แต่เริ่มได้ จากความเข้าใจขั้นการฟัง ในขณะนี้
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ค่ะ...
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์วิทยากรทุกๆ ท่าน
ขอขอบพระคุณในกุศลวิริยะและกุศลศรัทธาของคุณวันชัย ด้วยค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ