ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๓๘
~ ธรรมหมายความถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง ซึ่งอาจจะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เห็นก็เป็นธรรม เสียใจในวันหนึ่งๆ ก็มี ความรู้สึกเสียใจมีจริงก็เป็นธรรม เสียงมีจริง เสียงเป็นธรรม กลิ่นมีจริง ก็เป็นธรรม รวมความว่าทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ธรรม คือ รู้แจ้งความจริงของสภาพที่มีจริงๆ ที่ปรากฏกับทุกคนในชีวิตประจำวันซึ่งสามารถที่จะพิสูจน์ได้ทุกขณะ เช่น ขณะนี้เป็นธรรมขณะที่เห็น มีธรรมไหม เคยขาดธรรมบ้างไหม ตั้งแต่เกิดมาขาดธรรมได้หรือเปล่า
~ ธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าทุกขณะเป็นธรรม ไม่ต้องไปหาที่ไหนเลย แม้แต่เดี๋ยวนี้เป็นธรรม แต่ความลึกซึ้งของสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมโดยละเอียด โดยเข้าใจจริงๆ ก็ไม่สามารถเห็นความลึกซึ้งของธรรมได้
~ โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งซึ่งบังคับบัญชาไม่ได้เลย เมื่อมีการเกิดขึ้น มีตาก็มีโรคตา มีหูก็ต้องมีโรคหู มีจมูกก็ต้องมีโรคจมูก มีลิ้น มีกาย ก็ต้องมี โรคลิ้น โรคกาย เป็นของธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้น
~ ถ้ายังมีกิเลสอยู่ตราบใด กิเลสนั้นเป็นโรค ซึ่งเป็นโรคที่มีอันตรายมาก เพราะ เหตุว่า ถ้ายังมีกิเลสเป็นเชื้ออยู่ตราบใด ก็จะไม่มีการสิ้นสุดเรื่องของโรค
~ ผู้ที่เป็นเพื่อน คือ ผู้ที่มีความหวังดีต่อกัน เพราะฉะนั้น จะไม่มีการทำร้าย จะไม่มีการเบียดเบียนหรือแม้แต่คิดร้ายหรือโกรธ สิ่งที่มีจริงละเอียดมาก กว่าที่เราจะรู้ความจริงได้ ก็ต้องฟังพระธรรมและพิจารณา เป็นความรู้ความเข้าใจของตนเอง
~ สิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นเพื่อนที่หวังดีหรือแม้แต่ตัวเราที่จะเป็นเพื่อนที่หวังดีต่อใครก็ต้องให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคลนั้นด้วย
~ ความดีต้องเป็นความดี ความชั่วต้องเป็นความชั่วและความชั่วต้องให้ผลไม่ดีด้วยอย่างที่เห็นและถ้ายิ่งชั่วมาก ก็ (ให้ผล) มากกว่าที่เราคิดว่าจะเป็นไปได้แม้ว่าจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ตกนรก เกิดเป็นเปรต หรือเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานแน่นอน
~ ไหนๆ ก็เกิดมา (เป็นมนุษย์) แล้วก็เข้าใจให้ถูกต้องว่าเกิดมาแล้ว ประโยชน์ ก็คือ แทนที่จะเป็นคนที่ทำความชั่วที่ให้ผลกับตนเองและคนอื่นด้วย ก็เริ่มที่จะเห็นว่าไม่สมควรที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนและตัวเองก็เดือดร้อนด้วย ไม่เดือดร้อนเฉพาะคนที่เราไปทำเขาให้เดือดร้อนแต่เราเองก็กำลังเดือดร้อนแน่นอน ด้วยเหตุนี้ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ไตร่ตรอง แล้วเป็นผู้มั่นคงในความจริง
~ ควรเห็นโทษของอกุศลกรรม แล้วเมตตาในทุกคนที่กำลังได้รับผลของอกุศลกรรม อย่าให้เราเป็นคนที่ทำกรรมนั้น ถ้าคิดอย่างนี้ก็สบาย ไม่ต้องทำอะไรเลย คนที่เรารักหรือเราโกรธล้วนตายทั้งนั้น ตามกรรมของเขาด้วย แต่ถ้าใครก็ตามที่ทรมานเจ็บปวดสาหัสจากโลกนี้ไป โดยไม่เข้าใจธรรมะ น่าสงสารกว่า เพราะฉะนั้น ก็มีเมตตาต่อกัน หวังดีต่อกัน เกื้อกูลกันที่จะให้ได้รับประโยชน์สูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนต้องตายทั้งนั้น แต่ขอให้เห็นถูกในโทษของอกุศล จนไม่ทำอกุศลกรรม
~ ธรรมที่เป็นประโยชน์ เป็นคุณ ไม่ให้โทษเลย ก็คือ อโลภะ (ความไม่ติดข้อง) ถ้าเป็นได้จริงๆ ทีละเล็กทีละน้อยจะสบายสักแค่ไหน ไม่เดือดร้อนที่จะต้องแสวงหา ไม่เดือดร้อนเมื่อสิ่งนั้นพลัดพรากจากไป เพราะเหตุว่าไม่ติดข้อง แต่แสนยาก เพราะติดข้องมานานแสนนาน มีหนทางเดียวคือ ปัญญา ความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง
~ ถ้าเราไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยเข้าใจความจริงว่า มีกิเลสมาก ฟังเพื่อค่อยๆ เข้าใจ จึงจะละกิเลสได้ เพราะอย่างอื่นละกิเลสไม่ได้เลย นอกจากปัญญาที่รู้จึงละความไม่รู้ทีละเล็กทีละน้อยตามกำลังของปัญญา
~ ผู้เป็นพุทธบริษัทที่เห็นประโยชน์สูงสุดของการที่พระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมีและทำให้คนอื่นได้เข้าใจถูก เห็นถูกสืบต่อกันมา ก็ควรรักษาดำรงความเห็นถูกในพระศาสนาสำหรับตนเอง และเมื่อตนเองมีความเห็นถูกต้องก็สามารถช่วยคนอื่นให้ได้รับฟัง ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรองและเห็นความหวังดีด้วย
~ เข้าใจธรรมเป็นบุญหรือเปล่า? เป็นบุญ ไม่ยากที่จะไปขวนขวายที่ไหน โอกาสไหนก็ได้ที่เป็นสิ่งที่ดีก็ทำเพราะว่าถ้ากุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นอกุศลก็เกิดต้องไม่ประมาทแม้กุศลเล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ เพราะว่าถ้าขณะนั้นอกุศลเกิดก็ทำสิ่งที่ดีงามไม่ได้ด้วยเหตุนี้ทำดีเพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำดีก็เป็นอกุศล
~ พระภิกษุทุกรูปไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น ภาระหรือกิจธุระของท่านก็คือศึกษาพระธรรมวินัยและประพฤติปฏิบัติในเพศของบรรพชิตตามพระวินัย
~ ถ้าเริ่มฟัง เริ่มศึกษาพระธรรมด้วยความตั้งใจจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจ
~ เริ่มต้นถูก คือ เริ่มฟังธรรมทีละคำ
~ มีความไม่รู้มาโดยตลอด ตั้งแต่เกิดจนตายกี่ภพกี่ชาติจนกว่าจะได้ฟังพระธรรมจากผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ ไม่ใช่คำของบุคคลอื่นเลย
~ อกุศลหรือกิเลสทั้งหลาย ติดตามมามากมาย จนเป็นเหตุให้ทำทุจริตต่างๆ ซึ่งทุจริต เป็นโทษ แล้วใครจะมีพระมหากรุณาแสดงธรรมให้พ้นจากโทษคือความไม่รู้และความติดข้องซึ่งเหตุให้ทำอกุศลกรรมซึ่งจะนำมาซึ่งผลที่ไม่ดี? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจธรรม แล้วจะมีผู้ใหญ่ที่ไหนมาสอนเด็กให้เข้าใจธรรมได้
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม...ครั้งที่ ๒๓๗
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
"อดทนด้วยกุศลจิตเพราะรู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นหน้าที่ของธรรม ไม่ใช่เราที่จะทำให้เข้าใจ ไม่ใช่เราที่จะทำให้ปัญญาเจริญ ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยของสภาพธรรมที่ปรุงแต่งให้ปัญญาค่อยๆ เจริญแต่ทีละเล็กละน้อย เมื่อเป็นหน้าที่ของธรรมย่อมไม่เดือดร้อนในการอบรมปัญญาเพราะไม่มีตัวเราไปจัดการให้เข้าใจครับ สะสมเหตุให้ปัญญาเจริญคือการฟัง เข้าใจก็เข้าใจ ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเพราะว่าเป็นหน้าที่ของธรรม จึงอดทนที่จะฟังพระธรรมต่อไปเพราะไม่มีหนทางอื่นเลยที่จะดับกิเลสนอกจากการเริ่มที่ถูกต้องคือฟังให้เข้าใจ"
จากสะสมเหตุให้ปัญญาเจริญ คือ การฟังธรรม กระดานธรรมทัศนะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
~ ถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจธรรม แล้วจะมีผู้ใหญ่ที่ไหนมาสอนเด็กให้เข้าใจธรรมได้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
~ ถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจธรรม แล้วจะมีผู้ใหญ่ที่ไหนมาสอนเด็กให้เข้าใจธรรมได้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น ขออนุโมทนาคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ