[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 205
ชื่อว่า ตถาคต เพราะมีพระวาจาที่แท้จริงเป็นอย่างไร?
ราตรีใด พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับนั่งอปราชิตบัลลังก์ ณ โพธิมัณฑสถาน ทรงย่ำยีกระหม่อมของมารทั้ง ๓ ตรัสรู้ยิ่งเองซึ่งพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และราตรีใด เสด็จปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ระหว่างต้นสาละทั้งคู่ ในระหว่างราตรีนั้น ในเวลาที่พระองค์มีพรรษาประมาณ ๔๕ พรรษา พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพุทธพจน์อันใด ในปฐมโพธิกาลบ้าง มัชฌิมโพธิกาลบ้าง ปัจฉิมโพธิกาลบ้าง คือสุตตะ เคยยะ ฯลฯ เวทัลละ พระพุทธพจน์ ทั้งหมดนั้น ใครๆ ตำหนิไม่ได้ ทั้งโดยอรรถและโดยพยัญชนะ ไม่ขาดไม่เกิน บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง เป็นเครื่องย่ำยีราคะ ในพระพุทธพจน์นั้น ไม่มีความผิดพลาดแม้เพียงปลายขนทราย พระพุทธพจน์ทั้งหมดนั้น เหมือนประทับไว้ด้วยตราอันเดียวกัน เหมือนตวงด้วยทะนานเดียวกัน และเหมือนชั่งด้วยตาชั่งอันเดียวกัน จึงเป็นของแท้แน่นอนทั้งนั้น ไม่มีที่ไม่แท้. ด้วยเหตุนั้น พระองค์จึงตรัสว่า ดูก่อนจุนทะ ตถาคตตรัสรู้ยิ่งเองซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในราตรีใด และปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในราตรีใด ระหว่างราตรีนั้น ได้ภาษิต ได้กล่าว ชี้แจง คำพูดอันใด อันนั้น เป็นของแท้อย่างเดียว ไม่กลายเป็นอย่างอื่น
เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า ตถาคต.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น