ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๒๘
~ คนที่ไม่เข้าใจธรรม ไม่เห็นกิเลสของตัวเองและไม่ได้สะสมอุปนิสัยในการสละเพศคฤหัสถ์ แล้วบวช นั้น ไม่ใช่ผู้ที่จริงใจและไม่ใช่ผู้ตรง เพราะถามว่าบวชทำไม ถ้าตอบว่าเพราะเหตุนั้นๆ แต่ไม่ใช่เพราะได้เข้าใจพระธรรมและรู้อัธยาศัยของตนเอง ว่าศึกษาพระธรรมและขัดเกลากิเลสในเพศภิกษุตามพระธรรมวินัยแล้ว สมควรบวชไหม การบวชเป็นภิกษุไม่ใช่เป็นอยู่อย่างสบายให้ผู้คนกราบไหว้ แต่เพราะเป็นผู้ที่เห็นกิเลสและเห็นโทษของกิเลส และรู้ว่าหนทางเดียวที่จะขัดเกลากิเลสก็ด้วยความเข้าใจพระธรรมจึงบวชเพื่อศึกษาธรรมและขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าคฤหัสถ์ ฉะนั้น การดำรงชีวิตของคฤหัสถ์และบรรพชิตจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
~ คฤหัสถ์เห็นบรรพชิตแล้วกราบไหว้ด้วยความเคารพในอัธยาศัยที่สามารถขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตได้ ยิ่งเข้าใจพระธรรมวินัยมากเท่าไหร่ ความเคารพในเพศบรรพชิตก็ยิ่งมากเท่านั้น แต่ว่าถ้าไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย ไม่ใช่ผู้ที่จะดำรงพระศาสนา แต่ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งในธรรม และวินัยด้วย แล้วคฤหัสถ์จะเคารพในภิกษุอลัชชี ผู้ไม่ละอาย กระนั้นหรือ การบวช ไม่ใช่ง่าย ไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ใครก็บวชได้
~ พระภิกษุ สำนึกได้ว่าเราไม่ใช่คฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น จะทำอย่างคฤหัสถ์ได้ไหม จะใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเครื่องประเทืองผิวเหมือนอย่างคฤหัสถ์ได้ไหม มีจิตคิดยินดีที่จะพอใจในสิ่งนั้นได้ไหม ก็ไม่ได้ เพราะก่อนจะบวชก็รู้อยู่แล้วว่าจะสละเพศคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น จะเป็นอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร จะคิดอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร จะทำอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร ในเมื่อไม่ใช่คฤหัสถ์อีกต่อไปแล้ว
~ ไม่มีใครบังคับให้บวช ไม่มีใครต้องไปชวนให้บวช แต่ผู้ที่บวชนั้น มีความแช่มชื่นที่จะมีชีวิตที่สงบจากความเป็นคฤหัสถ์
~ คฤหัสถ์แช่มชื่น เอาเงินไปซื้อของ พระภิกษุรับเงินมาแช่มชื่นที่จะเอาเงินไปซื้อของ ก็เป็นคฤหัสถ์ จะต่างอะไรกัน แต่ควรจะเป็นแช่มชื่นที่พระภิกษุไม่ต้องมีเงินเลย ชีวิตช่างผาสุก ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องจ่าย มีทุกอย่าง เช่น อาหาร ซึ่งเป็นอาหารที่บริสุทธิ์ด้วย เพราะได้มาจากผู้มีศรัทธา
~ ก็น่าคิดว่า ภิกษุใด ไม่เข้าใจธรรม ภิกษุใด ไม่สามารถปฏิบัติตามพระธรรมวินัย (นั่นคือ) ของเน่า เดินมา
~ คฤหัสถ์ ก็ไม่รู้ว่าพระภิกษุจริงๆ คือใคร และตัวพระภิกษุเอง ก็ไม่รู้ว่าพระภิกษุคือใคร เพราะฉะนั้น กล่าวได้ว่าคฤหัสถ์ก็ไม่รู้จักพระ และพระก็ไม่รู้จักพระ (ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมวินัย)
~ พระภิกษุ จะต้องเป็นผู้ที่มีชีวิตตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คล้อยตาม ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่ได้ทรงบัญญัติไว้เพื่อดับกิเลส
~ ถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็ไม่สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้
~ คฤหัสถ์สมควรที่จะรู้ไหมว่า ใครเป็นภิกษุในพระธรรมวินัย และ ใครไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย
~ ทุกคนเน่า เมื่ออกุศลเกิด จะมากหรือจะน้อยแล้วแต่การสะสม แล้วแต่การเข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น คฤหัสถ์ เน่า แต่ตามเพศของคฤหัสถ์ แต่ถ้าเป็นผู้แสดงตนว่าสละเพศคฤหัสถ์แล้ว ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เน่ายิ่งกว่าคฤหัสถ์ เพราะไม่ได้ขัดเกลาอะไรเลย คฤหัสถ์ยังฟังธรรม เข้าใจธรรม แม้เวลาที่อกุศลธรรมเกิด ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะได้อบรมความเห็นที่ถูกต้อง แต่ถ้าพระภิกษุไม่รู้จักธรรมและไม่ได้ประพฤติตามพระธรรมวินัย จะเน่าแค่ไหน
~ กุศลจิตเกิดไม่ได้ ในขณะที่อกุศลจิตเกิด
~ ถึงเวลาที่คฤหัสถ์จะพร้อมใจกัน จะรู้จักพระภิกษุในพระธรรมวินัย และรู้จักภิกษุ เน่า (เพราะเป็นอกุศล) ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงด้วย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม ด้วยพระมหากรุณาจริงๆ เพื่อที่จะให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เห็นโทษของอกุศล และก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่บาปหนักอย่างยิ่ง ถ้าทำให้คนอื่นเคารพนับถือในสิ่งที่เน่า โดยความประพฤติที่ไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย แต่มีการครองจีวรที่ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าตนเองเป็นภิกษุ
~ แช่มชื่น ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ตรัสเตือนด้วยพระมหากรุณาให้ไม่หลงทาง ให้รู้ว่าทางไหนเป็นทางเน่าที่จะนำไปสู่ความเน่ายิ่งขึ้น หนทางไหนที่จะทำให้สะอาด สงบด้วยพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น ถ้าภิกษุใดฟังพระธรรมแล้วแช่มชื่น ผู้นั้นมีปัญญาเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าภิกษุใดได้ฟังแล้ว ไม่แช่มชื่น ผู้นั้นไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย
~ สลดใจ ไม่ใช่เศร้าใจเสียใจ แต่เป็นปัญญาที่เห็นความจริง
~ ไม่ว่าจะเป็นพระธรรม หรือ พระวินัย ก็จะต้องกล่าวตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมด เพราะฉะนั้น หน้าที่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ก็คือ ศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์ ด้วยความหวังดีต่อคนที่เขาเข้าใจว่าเขามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ให้เข้าใจได้ถูกต้อง ถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาเขาก็คิดไม่ออก ว่า พระธรรมวินัย คือ อย่างไร เพราะฉะนั้น เราก็กล่าวตามพระธรรมวินัย
~ ผู้ฟังทุกท่านเข้าใจหรือยังว่า พระภิกษุคือใคร ถ้าสนับสนุน (ภิกษุทุศีล) ก็เท่ากับว่าให้เขาเป็นบาปยิ่งขึ้น เพราะจากโลกนี้ไปแล้ว (ภิกษุทุศีล) ไม่ได้ไปที่อื่น นอกจากอบายภูมิ
~ ภิกษุเมื่อรู้ตัวว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามพระธรรมวินัยดำรงเพศเป็นพระภิกษุได้ ก็สามารถลาสิกขาบทได้
~ ใครก็ตามที่ไม่ได้เข้าใจธรรม แล้วก็บวช แล้วก็ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ก็เหมือนโจรที่อาศัยการบวชเป็นที่กำบังกระทำทุจริตแม้เพียงการรับอาหารบิณฑบาต ก็ไม่ใช่สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าใจธรรมวินัยและไม่ได้ตามพระธรรมวินัยด้วย ด้วยเหตุนี้ ใครก็ตามที่ไม่ได้เข้าใจธรรม ไม่ได้ศึกษาธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย รับบาตร เหมือนโจรไหม เพราะ (บุคคลผู้ให้) เขาไม่ได้ให้แก่บุคคลประเภทนี้ แต่เขาให้กับภิกษุผู้ที่เข้าใจพระธรรมวินัย รู้อัธยาศัยของตนเองที่สามารถจะขัดเกลากิเลสด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น เป็นโจรทั้งหมด ถ้า (ภิกษุ) ไม่มีความเข้าใจธรรม ไม่อบรมเจริญปัญญา ไม่ได้ขัดเกลากิเลสตามพระธรรมวินัย
~ คฤหัสถ์เองก็กำลังทำลายพระพุทธศาสนา โดยการที่ไม่เข้าใจธรรมและส่งเสริมความประพฤติที่ผิด
~ กล้า อาจหาญ ร่าเริงที่จะเป็นมิตรที่ดี ให้ความเข้าใจถูกต้องตามพระธรรมวินัย
~ ถ้าเป็นความหวังดีจริงๆ ลองคิดดู กล้าที่จะเป็นมิตรที่ดีไหม นั่นต้องเป็นกุศลที่มีกำลังจริงๆ ที่ไม่หวั่นไหวต่อการที่ใครจะคิดอย่างไร ใครจะว่า ใครจะติ ใครจะเข้าใจอย่างไร แต่ความหวังดีก็ยังคงเป็นความหวังดี
~ พุทธศาสนิกชนเข้าใจพระธรรมวินัย พระภิกษุก็เข้าใจพระธรรมวินัย ประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลส ตามเพศของตน พระพุทธศาสนา จักงาม รุ่งเรืองสักแค่ไหน แต่ความจริง ในยุคนี้ตรงกันข้ามกัน ก็เป็นยุคที่เสื่อม
~ ไม่หวั่นไหวเลยที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง
~ ธรรมก็ต้องเป็นธรรม กุศลธรรมก็เป็นกุศลธรรม อกุศลธรรมก็เป็นอกุศลธรรม เมื่อทำสิ่งที่ดีแล้ว ผลที่ดีก็ต้องมีในภพชาติต่อไป แต่ถ้าทำสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ภพชาติต่อไป จะเป็นอย่างไร ทำไมไม่คิดถึง
~ ถ้าเข้าใจธรรม มากขึ้น ไม่มีอะไรที่ชีวิตควรจะเป็นไป นอกจากเข้าใจพระธรรมวินัยยิ่งขึ้น รับใช้พระพุทธศาสนา ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นการทะนุบำรุงที่ยิ่ง เหนือกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น
~ คนที่ไม่กล้าที่จะทำความดี ไม่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ตามการสะสม เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ตัวเองกล้าไหม (ที่จะทำความดี ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง) ไม่ต้องคิดถึงคนอื่น
~ ชีวิตจะอยู่อีกกี่วินาที แล้วไม่ทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต แล้วจะเป็นประโยชน์ไหมต่อการได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้าทำสิ่งที่ถูกต้องและมีความหวังดี กล่าวคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว กลัวอะไร ไม่มีอะไรที่จะน่ากลัว เพราะกุศลทั้งหลาย นำมาซึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๒๗
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ..
ขอนอบน้อมบูชาพระรัตนตรัยและกราบอนุโมทนากุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์และสหายธรรมทุกท่านค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ และอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่นค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ