ถ. เรื่องอโคจร ผมขับรถแท็กซี่ผมไปทุกหนทุกแห่ง แม้กระทั่งที่เลวที่สุดผมก็เคยไป เมื่อผมไปถึง ผมก็ไม่ยินดีไม่ยินร้าย อย่างนี้จะแก้ไขอย่างไรจึงจะถูกต้อง
สุ. ในขณะนั้นยังเป็นตัวตนอยู่ ถ้าเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ จะระลึกรู้สภาพของนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดปรากฏเพราะเหตุปัจจัยตามความเป็นจริงของแต่ละคน จะไปที่ไหนก็มีเหตุปัจจัยของบุคคลนั้นที่จะเกิดมามีอาชีพอย่างนี้ ไปอย่างนั้น ทำอย่างนั้น มีเหตุปัจจัยที่จะให้ดำเนินชีวิตไปทุกวินาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน ที่ว่าชีวิตจะดำเนินไปอย่างนี้อย่างนั้น จะไปสู่สถานที่นั้น สถานที่นี้ ถ้าเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ จะกั้นสติทำไม พระผู้มีพระภาคไม่เคยส่งเสริมให้พุทธบริษัทเป็นผู้ที่หลงลืมสติเลย ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือบรรพชิต แต่ให้เข้าใจการเจริญสติปัฏฐาน
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าท่านผู้ฟังจะตั้งใจว่า จะทำวิปัสสนา หรือจะให้สติเกิดที่นั่นสัก ๕ หรือ ๖ นาที ดีกว่าปล่อยให้เพลิดเพลินไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะโดยที่ไม่ให้สติเกิด ซึ่งนั่นเป็นตัวท่านที่จะทำ ไม่ถูกเสียแล้ว ผู้ที่มีปกติเจริญสติแม้อยู่ในที่เช่นนั้น สติระลึกขึ้นได้ ถ้าเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีใจ
การที่บุคคลใดจะเป็นพระโสดาบันบุคคล ไม่ใช่จะไปรู้ชีวิตของคนอื่นที่มีศีล ๒๒๗ โดยที่ตัวท่านไม่ใช่ผู้มีศีล ๒๒๗ แต่มีศีลเพียง ๕ เท่านั้น เมื่อท่านเป็นผู้มีศีล ๕ ท่านจะต้องรู้ความจริงของตัวท่าน ไม่ใช่ของบุคคลผู้มีศีล ๒๒๗ ตามสภาพธรรมตามความเป็นจริง และไม่ใช่มีความตั้งใจว่า จะให้สติเกิดสัก ๕ นาที ๖ นาที ซึ่งไม่ใช่ขณะที่สติเกิดระลึกได้จริงๆ
เวลาที่สติที่เป็นสัมมาสติเกิดระลึกได้จริงๆ เป็นอนัตตา กะเกณฑ์ไม่ได้ สติเกิดขณะใดก็ระลึกรู้ลักษณะของนามหรือรูปที่กำลังปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจในขณะนั้น เพื่อละการยึดถือ
ชีวิตจริงๆ ของแต่ละคน จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะพูด จะนิ่ง จะคิดเรื่องอะไร ที่ไหนก็ตาม สติและปัญญาจะต้องระลึกรู้ชัดในสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน แม้ในขณะนั้น จึงจะละได้ว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล มิฉะนั้นแล้ว เวลาเห็นหญิงฟ้อนรำ พระภิกษุท่านนั้นท่านจะแทงตลอดในอริยสัจธรรมได้ไหม ถ้าท่านกั้นสติไว้ไม่ให้เกิด
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 175