การที่จะรู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่เกิดขึ้นมาทันทีชัดเจน แต่ต้องค่อยๆ รู้ว่าไม่ใช่เราทีละเล็ก ทีละน้อย ซึ่งเป็นขั้นที่สติเริ่มเกิดระลึกสภาพธัมมะนั่นเอง เมื่อสติเและปัญญาเพิ่งเริ่มเกิดระลึกสภาพธัมมะ ก็จะเพิ่งเริ่มรู้ว่า ไม่ใช่เราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อสติเกิดบ่อยขึ้น จนเป็นปกติ ชำนาญ ปัญญาก็จะถึงขั้นประจักษ์ในนามธรรม รูปธรรม เป็นวิปัสสนาญาณ แต่ก็ยังไม่สามารถดับกิเลสที่ยึดถือว่าเป็นเรา จนกว่าจะเป็นพระโสดาบัน ดังนั้น ความเป็นเรานั้นก็ยังมีแม้สติเกิดแล้วก็ตาม จนกว่าจะเป็นพระโสดาบัน ที่สำคัญการเริ่มต้นที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ว่าเราศึกษาธัมมะเพื่ออะไร ธัมมะอยู่ในไหน ในหนังสือ หรือขณะนี้ เมื่อเข้าใจเบื้องต้นจนเป็นความมั่นคง (สัจญาณ) ว่า การจะรู้ธัมมะก็รู้ในขณะนี้แหละ โดยเป็นหน้าที่ของธัมมะ (สติ) ที่ทำหน้าที่ ไม่ใช่เราไประลึก เมื่อเข้าใจขั้นต้นถูก ก็สามารถไปถึงการปฏิบัติที่ชอบ รู้ชอบ พ้นชอบ ครับ
ถ้ามีปัญญาจริงๆ ไม่ลำบากหรอกค่ะ เพราะรู้ว่า เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ไม่มีสิตว์ ไม่มีบุคคล มีแต่ จิต เจตสิก รูป ที่เป็นกุศล อกุศล วิบาก กิริยา
เบื่อหน่ายด้วยปัญญา ไม่ใช่เป็นโทสมูลจิต ดังนั้นถ้าเป็นปัญญาแล้ว ไม่มีปัญหาครับสามารถอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี เพราะมีปัญญานั่นเอง แต่ที่สังคมทุกวันนี้ มีปัญหาเพราะขาดปัญญานั่นเองครับ
สาธุ
ขออนุโมทนาครับ