ข้อความในสัมโมหวิโณธนี วิภังคปกรณ์
"ทุกข์นั้น ตัณหาไม่ได้สร้างแล้วย่อมไม่มา ทุกข์ย่อมมีเพราะเหตุภายนอก มีพระอิศวรบันดาลก็หาไม่ ที่แท้ทุกข์ ย่อมมีเพราะตัณหานี้"
ข้อความสั้นๆ แต่ว่าเป็นชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งมีทุกข์คงจะไม่มีใครเลยซึ่งเกิดมาแล้วไม่มีทุกข์ เพียงแต่ว่าจะทุกข์มาก จะทุกข์น้อย จะทุกข์กายหรือจะทุกข์ใจ แต่ว่ามีใครที่จะพิจารณาอริยสัจจธรรมที่ว่า
ทุกข์นั้น ตัณหาไม่ได้สร้างแล้ว ย่อมไม่มา
ถ้าไม่มีตัณหาแล้วละก้อ ทุกข์ย่อมเกิดไม่ได้ แม้แต่เพียงความเป็นเราด้วยตัณหา ความเป็นเราด้วยทิฏฐิ ความเป็นเราด้วยมานะ ก็ไม่พ้นจากโลภมูลจิตเลย ความเป็นเราด้วยทิฏฐิคือ โลภมูลจิต ทิฏฐิคตสัมปยุตต์ เกิดร่วมกับสักกายทิฏฐิ ที่ยึดถือนามธรรมกับรูปธรรมว่าเป็น " ตัวตน "ในขณะนั้นก็ควรจะพิจารณาว่าเป็นทุกข์แค่ไหน ทุกข์ทั้งหมด ย่อมมาจากการยึดถือสภาพธรรมะทั้งหมดว่าเป็นตัวตน เป็นตัวเราซึ่งขณะนั้น ก็เกิดร่วมกับโลภะ ความยินดีพอใจ ในความเห็น ในการยึดถืออย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาที่จะเห็นถูกในความจริงว่าไม่ใช่เรา เพียงละคลายการยึดถือ นามธรรม - รูปธรรมว่าเป็นตัวตน และสามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะในวันหนึ่งๆ ก็จะทำให้ความทุกข์เบาบางได้ แม้ในขั้นของการพิจารณาว่า สภาพธรรมะที่กำลังปรากฏนั้นๆ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่ที่จะดับได้จริงๆ เป็นสมุจเฉทก็ต้องถึงโสตาปัตติมรรคจิต จึงจะดับการยึดสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน และความเห็นผิดต่างๆ ได้ แต่ถ้ายังไม่ถึง ในบางกาละก็จะต้องเป็นทุกข์เพราะการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน และถ้ายึดถือเหนียวแน่นมาก ทุกข์นั้นก็ต้องเพิ่มมากขึ้น
...จาก บารมีในชีวิตประจำวัน ตอนที่ ๓๕
บารมีในชีวิตประจำวัน ตอนที่ ๓๕
ตัณหา หรือ โลภะ คือสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ต้องปัญญาเท่านั้นจึง ละ โลภะได้
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ