ทางปัญจทวารวิถี รูปที่กระทบปสาทและภวังค์ วิถีจิตเกิดขึ้นจนชวนะ ถ้านับอายุ
ของรูปล่วงไปแล้ว ๘ ขณะจิต คือ ภวังค์ ๓ ขณะ อาวัชชนะ ๑ ปัญจวิญาณ ๑
สัมปฏิจฉันนะ ๑ สันตีรณะ ๑ โวฏฐัพพนะ ๑ จากนั้นจึงเป็นชวนะอีก ๗ ขณะ
และตทาลัมพนะ ๒ ขณะ รูปก็ดับไปและไม่กลับมาอีกเลย แต่ตัณหาก็ติดข้อง
ยินดีพอใจแม้ในรูปที่ดับไปแล้ว แม้ในทวารอื่นๆ ก็เหมือนกันโลภะย่อมยินดีติดข้อง
ในสิ่งที่ปรากฏเพียงเล็กน้อยแล้วดับไป ไม่มีสาระ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา..
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การอบรมปัญญาจึงไม่ไช่ห้ามไม่ให้โลภะ ความยินดีพอใจไม่ให้เกิดขึ้นเพราะเป็นไป
ไม่ได้ มีเหตุปัจจัยก็เกิดและที่สำคัญเกิดขึ้นแล้ว การอบรมปัญญาจึงไม่ใช่ไปหาชื่อว่า
ติดข้องนะ แต่ขณะนั้นมีสภาพธรรมจริงๆ ที่ปรากฏ มีลักษณะให้รู้ โลภะความติดข้องก็
เป็นธรรม การอบรมปัญญาจึงเริ่มจากเข้าใจความจริงในสิ่งที่ปรากฏว่าเป็นธรรมไม่ใช่
เรา แม้โลภะที่เกิดขึ้นก็เป็นธรรม ขอให้เริ่มฟังให้เข้าใจว่าธรรมคืออะไร ยังไม่ต้องไป
ไกลและกลับมาสู่ความเห็นถูกที่ว่า ศึกษาอะไรก็เพื่อเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
รูปจะเกิดก็เกิด ภวังค์จิตจะเกิดก็เกิด เป็นอนัตตา สองอย่างนี้ไม่จำเป็น
ต้องเกิดพร้อมกัน ถ้าบังเอิญรูปเกิดพร้อมกันกับภวังค์วาระแรกรูปก็ดับที่ ๑๗ ขณะจิตที่
ตทาลัมพนะ ถ้ารูปเกิดก่อนภวังค์แรก รูปก็จะดับก่อน เราจึงมี ปริตตารมณ์ โมฆะวาระ
จนถึง ชวนวาระ
รูปเกิดดับเร็วมากเกิดแล้วก็ล้วงไป การล้วงไปก็คือการแก่ทุกๆ วินาที จึง
ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า แก่ไปแล้วกี่ขณะจิต
จากความคิดเห็นที่ ๔ เป็นความเข้าใจของผมเองครับไม่ใช่รู้จริง อาจจะผิดก็ได้ ผู้รู้และเห็นเป็นอย่างอื่น กรุณาช่วยแก้ไข .. ขอบคุณ