ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
ผมพอได้ฟังพระสูตรหนึ่ง แต่ไม่อาจบอกได้ว่าอยู่เล่มไหน หน้าไหนได้เพราะไม่ได้อ่านเองครับ ฟังมาอีกที เรื่องคร่าวมีอยู่ว่า พระเจ้าปเสนทิโกสล จัดทำบุญที่ยิ่งใหญ่แก่พระพุทธเจ้าในครั้งนั้น เหล่าอำมาตย์และชาวเมืองก็คิดว่าจะจัดทำบุญให้ใหญ่กว่าพระเจ้าประเสนทิโกสลและก็ทำได้ใหญ่กว่า พอครั้งต่อมาพระเจ้าประเสนทิโกศลก็ทำให้ใหญ่อีก ทำอย่างนี้สลับกันไปมาถึง ๖ ครั้ง ครั้งที่ ๗ พระราชาไม่อยากให้ชาวบ้านชนะตน ก็ปรึกษาพระนางมัลลิกาเทวีผู้มีปัญญา พระนางเลยแนะให้เอาช้างสีหกุญชร ในวังมาจับฉัตรกางให้พระสาวกและพระพุทธเจ้าพระสาวกแต่ละองค์ จะมีนางสนมธิดาของพระองค์คอยพัดโบกพัดให้ ซึ่งคัดเลือกมา ทำทุกอย่างและคิดว่าสิ่งที่หามานี้พวกอำมาตย์และชาวบ้านหาไม่ได้แน่ เพราะเป็นของในวัง นางสนม ธิดาก็ของในวัง ช้างก็ช้างหลวง และก็หลายเชือก เป็นร้อยๆ ตรงนี้ชาวบ้านหาช้างขนาดนี้ไม่ได้แน่ มีอำมาตย์อยู่ ๒ คน คนที่ ๑ คิดไม่ดี คิดว่าพระราชานำทรัพย์ออกจากท้องพระคลังไปจำนวนมาก จักทำให้บ้านเมืองฉิบหายแน่ แต่คนที่ ๒ คิดดีคิดว่าบุญที่พระราชาทำเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ ถึงกระนั้นตอนพระพุทธเจ้าอนุโมทนาบุญก็กล่าวเพียง ๔ บาทหรือ ๑ บททำให้พระราชาสงสัยว่าบุญที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ทำไมพระพุทธเจ้าอนุโมทนาน้อยคำ เหตุเพราะว่าพระองค์รู้ว่าหากมากกว่านี้อำมาตย์ที่คิดไม่ดีหัวจะแตกเป็น ๗ เสี่ยง
ใครเคยอ่านในพระสูตรนี้บ้างหรือไม่ มีตัวอย่างพระสูตรนี้มั๊ยครับ
๑. ขอถามว่าในการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เป็นโลภะหรือไม่ เหมือนการทำบุญแบบเกทับกัน ไปมา?
๒. หากบุญที่เป็นโลภะนี้ พระพุทธเจ้าทำไมถึงอนุโมทนาครับ
๓. แสดงว่าเราหวังในบุญที่เราทำได้หรือเปล่าเช่นหวังผลบุญนั้น ว่าหากทำบุญอย่างไรจะส่งผล เช่นไร เพราะผมมักได้คำแนะนำจากที่นี่ว่าอย่าหวังในบุญเพราะจะได้บุญน้อย แต่กรณีเช่นนี้ พระพุทธองค์ก็กล่าวยินดีอนุโมทนาในบุญที่พระเจ้าประเสนทิโกศลทำด้วย
ขอรบกวนความรู้เพื่อความกระจ่างด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
๑.,๒.มีทั้งกุศลและอกุศลสลับกันครับ ๓.เรื่องความหวังเป็นของธรรมดาอยู่แล้วครับ เพราะโดยปกติทางโลกเราก็หวัง พอมาเรื่องบุญเราก็หวังติดข้องในบุญเป็นของธรรมดาของปุถุชน
เรื่องการแข่งการทำบุญบางตอนคลิกที่ พระนางมัลลิกาเทวี
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
1. กุศลและอกุศลเกิดดับสลับกัน
2. พระพุทธเจ้าทรงอนุโมทนาในกุศล ไม่ใช่ขณะที่เป็นโลภะครับ พระพุทธองค์ทรง
ติเตียนอกุศล อนุโมทนาในขณะที่เป็นกุศล3. ตราบใดที่ยังมีกิเลสก็ยังหวังเป็นธรรมดาครับ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย บังคับกันไม่ได้ เพียงแต่ว่าพระพุทธองค์แสดงถึงสัจจะความจริงว่า กุศลที่ทำจะมีผลมากประการหนึ่ง คือจิตที่ผ่องใส ไม่มีความหวังโลภะเข้ามาแทรก แต่ทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่มีใคร
บังคับให้หวัง หรือไม่หวัง หรือบังคับให้สภาพธรรมนี้เกิดหรือไม่เกิดเพราะเป็นธรรมครับ
เพราะเป็นอนัตตา แต่แสดงไปถามเหตุผลว่า ผลของบุญจะมากเพราะอะไร ไม่มาก
เพราะอะไรครับ ขออนุโมทนาครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
1. จิตเกิดดับรวดเร็วมาก เดี๋ยวเป็นกุศล เดี๋ยวเป็นอกุศล เดี๋ยวเป็นวิบาก เดี๋ยวเป็นกิริยา
2. โลภะไม่ได้เกิดตลอดเวลา พระพุทธเจ้าทรงอนุโมทนาในกุศลจิตของพระนางมัลลิกา
3. กิเลสเหนี่ยวแน่นและลึก เป็นธรรมดาของปุถุชนที่ยังมีความหวังอยู่
ได้อ่านเรื่องของพระนางมัลลิกาเทวี เกิดความสงสัยว่า การทำบุญด้วยขนมเพียง
3 ก้อน ก็ได้รับผลในวันนั้นเลย กรรมที่พระนางทำนั้นเป็นอะไร ทำไมรับผลเร็วอย่าง
นั้น ชาวเมืองก็ได้ถวายทานเช่นกัน จะรับในวันนั้นเหมือนกันหรือไม่คะ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้าที่ 421-422ภิกษุทั้งหลายพากันตั้งข้อสนทนากันขึ้นที่ธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโส พระนางมัลลิกาเทวี ทรงถวายขนม ๓ ก้อนแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยผลของการถวายขนม เหล่านั้น ทรงได้รับอภิเษกในวันนั้นเอง ความที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่น่าอัศจรรย์จริงพระศาสดาเสด็จมา แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร?เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่น่าอัศจรรย์เลย การที่พระนางมัลลิกาเทวีทรงถวายขนมกุมมาสแก่พระสัพพัญญูพุทธเจ้าพระองค์เดียว แล้วทรงได้รับความเป็นพระมเหสีของพระเจ้าโกศล เพราะเหตุไร?
เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงเป็นผู้มีพระคุณมาก
ส่วนคำถามที่ว่า
ทำไมรับผลเร็วอย่างนั้น ชาวเมืองก็ได้ถวายทานเช่นกัน จะรับในวันนั้นเหมือนกันหรือไม่
อยากได้รับคำตอบจากผู้รู้เหมือนกันคะ
กรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งครับ แล้วแต่เหตุปัจจัยว่ากรรมไหนจะให้ผลแบบไหน เวลา
ไหน ผู้รู้ได้คงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็คงต้องกลับไปพิจารณาเรื่องของ กรรมสมาทาน อีกนะคะ
" กรรมสมาทานดี บางอย่าง อาศัยอุปธิสมบัติ ให้ผล ๑ "
ข้อความจากในอรรถกถากุมมาสปิฑชาดกที่ ๑๐ มีว่า
"...พระนางมัลลิกาเทวี เป็นธิดาของหัวหน้านายมาลาการคนหนึ่ง ในนครสาวัตถี มีรูปโฉมเลอเลิศ มีปัญญามาก..."