การเจริญสมถภาวนาที่จะบรรลุถึงแม้อุปจารสมาธิก็แสนยาก เพราะปกติเมื่ออารมณ์ใดกระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ย่อมคล้อยตามอารมณ์นั้นด้วยโลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง กุศลที่เป็นไปในทานบ้าง ในศีลบ้าง ในภาวนาบ้างนั้นในวันหนึ่งๆ มีเป็นส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับอกุศลที่เกิดขึ้นรวดเร็วเป็นประจำทางตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ และการเจริญสมถภาวนานั้นก็ดับกิเลสไม่ได้ เมื่อกิเลสเกิดขึ้นครอบงำจิตใจขณะใด สมถภาวนาที่เพียรอบรมมา จนถึงขั้นสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้ ก็เสื่อมหมดสิ้นไป
ก่อนการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาค ก็มีผู้บำเพ็ญเพียรเจริญสมถภาวนา จนบรรลุถึงเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน และฝึกอบรมจิต จนอธิษฐานให้มีตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ และสามารถกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ได้ แต่แม้กระนั้น ท่านเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เมื่อไม่ได้อบรมเจริญเหตุ คือ วิปัสสนาภาวนาจนสมบูรณ์ที่จะเป็นปัจจัยให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ และบางท่านก็ยังเห็นผิด ยึดมั่นในการปฏิบัติ ซึ่งไม่ใช่หนทางให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมแม้เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมแล้ว ผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยสาวกที่ไม่บรรลุฌานจิต ก็มีมากกว่า พระอริยสาวกผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมพร้อมด้วยองค์ของฌานขั้นต่างๆ (๑) ทั้งนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า การเจริญสมถภาวนาที่ถูกต้องนั้น เป็นสิ่งกระทำได้ยากเพียงใด
๑ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค วังคีสสังยุตต์ ปวารณาสูตร ข้อ ๗๔๕
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป
สาธุ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ