อยากทราบว่าให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน ๑ ตัว ให้อานิสงส์กี่ชาติ, ให้ทานแก่มนุษย์ ๑ คน ให้อานิสงส์กี่ชาติ, ให้ทานแก่คนมีศีล มีอานิสงส์กี่ชาติ และการให้ทานแก่ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือสังฆทานจะมีอานิสงส์กี่ชาติ
ช่วยบอกตามลำดับบุคคลด้วย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอแสดงข้อความใน..
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ หน้า - ๓๙๔
ทักขิณาวิภังคณาวิภังคสูตร
ดูก่อนอานนท์ ใน ๑๔ ประการนั้น บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผล ทักษิณาได้ร้อยเท่า ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณาได้พันเท่า ให้ทาน ในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติ เพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจะนับไม่ได้ จะประมาณไม่ได้ จะป่วยกล่าวไปไยในพระโสดาบัน ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง ในพระสกทาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง ในพระอนาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อ ทำอรหัตตผลให้แจ้ง ในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ ในปัจเจกสัมพุทธะ และใน ตถาคตอรหันต์ สัมมาสัมพุทธเจ้า
จากข้อความแสดงในพระไตรปิฎก อธิบายดังนี้ครับ
การให้ทานกับสัตว์เดรัจฉาน ผลของบุญ ร้อยเท่า ความหมายคือ ให้อายุ วรรณะ (ผิวพรรณ) สุข พละ (กำลัง) ปฏิภาณ (ไหวพริบ ความฉลาด) ร้อยเท่า คือ ร้อยชาติ ย่อมให้ อายุร้อยอัตภาพ ร้อยชาติที่เกิด มีอายุยืน ให้มีผิวพรรณดี ร้อยชาติ ให้มีความสุขร้อยชาติ ร้อยอัตภาพ ให้มีกำลัง (พละ) ร้อยชาติ ให้มีปฏฮภาณ ร้อยชาติ นี่คือ ผลของบุญที่ให้ทาน ทำบุญกับสัตว์เดัจฉาน
ให้ทานกับผู้ทุศีล คือ ไม่มีศีล ผลของบุญ พันเท่า คือ ให้อายุ วรรณะ สุข พละ และปฏิภาณ พันชาติ ตามนัยที่อธิบายเดียวกันกับ การให้ทานกับสัตว์เดรัจฉานครับ ให้ทานกับปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลของบุญ แสนเท่า คือ ให้อายุ วรรณะ สุข พละ และปฏิภาณ แสนชาติ
ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม หมายถึง ผู้ที่อบรมสมถภาวนา จนได้ฌาน พึงได้ผลของบุญ แสนโกฏิเท่า คือ ได้ผลของบุญ คือ อายุ วรรณะสุข พละ และ ปฏิภาณดีๆ แสนโกฏิชาติ (ล้าน ล้านชาติ)
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง หมายถึง เช่น ผู้ที่อบรมเจริญวิปัสสนา เจริญสติปัฏฐาน และรวมถึง ผู้ที่ถึง โสดาปัตติมรรคจิต ผู้ที่ทำบุญกับคนเราเหล่านี้ ได้ผลของบุญ อานิสงส์ นับไม่ถ้วน หมายถึง ได้ อายุ วรรณะ สุข พละ และปฏิภาณ นับชาติไม่ถ้วนเลย
ข้อความแสดงต่อไปว่า จะกล่าวไปไย ผู้ที่เป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี และ พระ อรหันต์ ในสาวกของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และ ในพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ เจ้า ในบุคคลเหล่านี้ที่มีคุณเลิศเหล่านี้ก็ยิ่งมีบุญหาประมาณไม่ได้เช่นกัน คือ นับชาติ ไม่ถ้วนและมีผลบุญประมาณยิ่งครับ
ซึ่งในข้อความในพระสูตรอื่น แสดงผลบุญที่แตกต่างกัน ตามคุณธรรมของผู้ที่เราทำบุญด้วย เช่น ทำบุญกับผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ (พระโสดาบัน) ๑๐๐ คน มีผลมากกว่า การให้ทานกับพระโสดาบัน หรือ ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ๑ คน การให้ทานกับพระสกทาคามี มีผลมากกว่า การให้ทานกับพระโสดาบัน ๑๐๐ คน ... การให้ทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ องค์ มีผลมากกว่า การถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ องค์ การถวายทานกับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์เดียวเท่านั้น มีผลมากกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ องค์ หรือ จำนวนเท่าไหร่ก็ตาม ก็ไม่เท่าถวายกับพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์ เดียวครับ
ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดพระสูตรนี้โดยคลิกที่ ...
เวลามสูตร ว่าด้วยการให้ทานที่มีผลมาก
ซึ่งที่กล่าวมาเป็นการให้ทานเฉพาะเจาะจง ที่เรียกว่า ปาฏิปุคคลิกทาน ซึ่งการให้ทานจำเพาะเจาะจงที่มีผลบุญมากที่สุด คือ ให้ทาน ทำบุญกับพระพุทธเจ้าครับ เพียงแต่ไม่สามารถประมาณว่า ได้บุญเท่าไหร่ เปรียบเหมือนน้ำมหาสมุทร ที่ไม่สามารถจะวัดได้ว่ามีประมาณเท่าไหร่เลยครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 355
" ใครๆ ไม่อาจเพื่อจะนับบุญของบุคคลผู้บูชาอยู่ซึ่งท่านผู้ควรบูชา คือพระพุทธเจ้าหรือว่าพระสาวกทั้งหลายด้วย ผู้ก้าวล่วงปปัญจธรรมเครื่องเนิ่นช้าได้แล้ว ผู้มีความเศร้าโศก และความคร่ำครวญ อันข้ามพ้นแล้ว (หรือว่า) ของบุคคลผู้บูชาอยู่ ซึ่งท่านผู้ควรบูชาเช่นนั้น เหล่านั้น ผู้นิพพานแล้ว ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ด้วยการนับแม้วิธีไรๆ ก็ตามว่าบุญนี้มีประมาณเท่านี้ " ดังนี้.
แต่ข้อความในพระสูตรนี้ยังแสดงต่อไปอีกครับว่า การให้ทานในปาฏิปุคคลิกทาน คือ การให้ทานเฉพาะเจาจง ตามที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง เช่น ให้ทานกับสัตว์เดรัจฉาน ... ให้ทานกับพระพุทธเจ้า ชื่อว่าให้ทานจำเพาะเจาะจง ปาฏิปุคคลิกทาน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ทานที่ให้จำเพาะเจาะจง ปาฏิปุคคลิกทานก็มีผลบุญไม่มากเท่า สังฆทาน คือ ทานถวายแด่สงฆ์เลยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การให้ทาน เป็นการสละวัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น การให้ทาน ที่เป็นวัตถุทานจะสำเร็จได้ นั้น ก็ต้องมีวัตถุสิ่งของที่จะให้ พร้อมทั้งมีจิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้น มีเจตนาที่จะสละวัตถุสิ่งของดังกล่าวให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ขณะนั้น เป็นการสะสมเหตุที่ดีเป็นกุศล เมื่อถึงคราวที่กุศลให้ผล ก็ย่อมให้ผลเป็นผลที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ทานที่ให้แล้วมีผลจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตามความเป็นจริง แต่ไม่ใช่เพื่อให้หวังผลหรือหวังอานิสงส์ของทาน ทั้งหมดนั้น จะต้องเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกุศลประเภทใดก็ตาม และเมื่อเหตุสมควรแก่ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามสมควรแก่เหตุ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอเรียนถามอาจารย์ผเดิมค่ะ
จากข้อความที่อาจารย์ผเดิมกล่าวว่า "... ปาฏิปุคคลิกทาน ก็มีผลบุญไม่มากเท่า สังฆทาน คือ ทานถวายแด่สงฆ์เลยครับ" แสดงว่า การถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์มีอานิสงส์มากที่สุด คือ มากว่าปาฏิปุคคลิกทาน ใช่หรือไม่คะ
ขอบพระคุณในคำตอบค่ะ
เรียนความเห็นที่ 9 ครับ
ถูกต้องครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ