ถ้ามีความเข้าใจที่มั่นคงขึ้น ขณะนั้นก็เป็น ปัญญา ที่รู้ว่า ไม่มีเรา เป็นอนัตตา เวลาที่เกิดความขุ่นใจ เป็นความโกรธ จะสำรอกราคะ โทสะ ได้อย่างไร ไม่ใช่ไปตอนอื่น แต่ตอนที่กำลังมีนี่แหละ ไม่ใช่เอาตำรามาพูดว่า ให้สำรอก อย่างนั้น อย่างนี้ แต่ว่าขณะนี้เกิดแล้ว หน้าที่ของปัญญาเท่านั้น ถ้าปัญญาไม่เกิด ไม่มีทางละ ไม่มีทางสำรอกในขณะนั้น แต่พอปัญญาเกิด ละทันที ไม่มีประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น หมดแล้ว ค่อยๆ ไป ค่อยๆ เห็นคุณค่อยๆ เข้าใจ หนทางของปัญญา ก็สามารถที่จะค่อยๆ เจริญขึ้นท่ามกลางอกุศล เห็นประโยชน์ของปัญญาว่า แม้ความเข้าใจเพียงเล็กน้อย มั่นคง เจริญช้า แต่สามารถที่จะทำลายอกุศลได้
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่...
ไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีปัญญา
เอาปัญญามาจากไหน?
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔- หน้าที่ ๒๘
๔. ปัญญาสูตร
(ว่าด้วยขาดปัญญาพาให้เสื่อม มีปัญญาพาให้เจริญ)
[๒๑๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้วว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายผู้เสื่อมจากอริยปัญญา
ชื่อว่าเสื่อมที่สุด สัตว์เหล่านั้น ย่อมอยู่เป็นทุกข์ มีความเดือดร้อน
มีความคับแค้น มีความเร่าร้อน ในปัจจุบันทีเดียว เมื่อตายไปแล้ว
พึงหวังได้ทุคติ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้ไม่เสื่อมจากอริยปัญญา
ชื่อว่าไม่เสื่อม สัตว์เหล่านั้น ย่อมอยู่เป็นสุข ไม่มีความเดือดร้อน
ไม่มีความคับแค้น ไม่มีความเร่าร้อน ในปัจจุบันทีเทียวแล เมื่อตายไป
พึงหวังได้สุคติ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
จงดูโลกพร้อมด้วยเทวโลก ผู้ตั้งมั่นลงแล้วในนามรูป
เพราะความเสื่อมไปจากปัญญา โลกพร้อมด้วยเทวโลกย่อมสำคัญ
ว่า นามรูปนี้เป็นของจริง ปัญญาอันให้ถึงความชำแรกกิเลสนี้แล
ประเสริฐที่สุด ในโลก ด้วยว่าปัญญานั้น ย่อมรู้ชัดโดยชอบ
ซึ่งความสิ้นไปแห่งชาติและภพ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ย่อมรักใคร่ต่อพระ สัมพุทธเจ้าเหล่านั้น ผู้มีสติ มีปัญญาร่าเริง
ผู้ทรงไว้ซึ่งสรีระอันมีในที่สุด.
เนื้อความแม้นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบปัญญาสูตรที่ ๔.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ