ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาพิเศษ
เรื่อง พุทธบริษัททำอะไรที่ทำลายพระธรรมวินัย
ที่บ้านคุณทักษพล - คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
~ บูชาคุณ ต้องด้วยคุณความดี
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อให้ใครไปสวด ไม่ว่า ณ สถานที่ใดก็ตาม ไม่ว่ากาลใดทั้งสิ้น แต่เพื่อความเข้าใจ เพราะฉะนั้น ถ้าฟังพระธรรมแล้วไม่เข้าใจเป็นบุญหรือเปล่า?
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเปิดเผยความจริงทุกอย่างเพื่อให้คนได้เข้าใจที่ถูกต้อง ทุกคำที่พระองค์ตรัส เป็นประโยชน์ คือ ให้รู้ว่า อะไร ถูก อะไร ผิด อะไรเป็นสิ่งที่ควร อะไรเป็นสิ่งที่ไม่ควร
~ การสนทนาธรรม นำมาซึ่งความเข้าใจในพระธรรม
~ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพที่จะไตร่ตรองจนกระทั่งได้ประโยชน์ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ให้บุคคลอื่นได้รู้ตาม เพราะฉะนั้น ความเข้าใจถูกสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งสิ้น ถ้าไม่มีความเข้าใจ ไม่มีเหตุผลที่ถูกต้อง สมควรไหม?
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่สำหรับสวด แต่สมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าใจ เพราะว่าที่พระองค์ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะว่าได้อบรมเจริญความเห็นถูกทุกพระชาติจนกระทั่งเมื่อพระบารมีพร้อมที่จะตรัสรู้ความจริง ก็ตรัสรู้ความจริงแล้วทรงแสดงความจริง เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงแสดงธรรม (ความจริง) ไม่ใช่ทรงแสดงให้ใครไปสวด แต่ทรงแสดงเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ พระพุทธศาสนาไม่ใช่พิธีกรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสบอกให้ใครไปจุดธูปกี่ดอกหรืออะไรอย่างนั้น แต่ว่าพระองค์ทรงแสดงธรรมทุกกาลสมัย ที่บ้านไหนก็ได้ ชนบทที่ไหนก็ได้ แสนไกลเมื่อมีผู้ที่สามารถที่จะเข้าใจพระธรรมได้ พระองค์ก็เสด็จไปอนุเคราะห์ ทั้งหมดตลอดพระชนม์ชีพ ก็คือ เพื่อให้คนได้เข้าใจความจริง
~ ถ้าใครก็ตามที่มีการฟังธรรม มีการสนทนาธรรม ก็อุทิศส่วนกุศลนั้นแหละให้ผู้ที่จากไปได้อนุโมทนา
~ ความจริงแล้ว ผู้ที่จากไป (ตาย) ก็คือ ผู้ที่เกิดก่อนคนอื่นนั่นเอง เพราะว่าเมื่อตายแล้ว ต้องเกิด เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมดาที่ขณะสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้หนึ่งขณะเองที่ทำกิจเคลื่อนพ้นความเป็นบุคคลนี้ เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ คือ จะเป็นบุคคลนี้ต่อไปอีกไม่ได้เลย เป็นธรรมดา
~ ความไม่รู้นำ (สิ่งที่ผิดมา) ตั้งแต่ต้น คือ ไม่รู้ว่าวัดไม่ใช่สถานที่เผาศพ ถ้ามีการทำพิธีเผาศพในวัด ก็เท่ากับว่าเราไม่มีความเคารพในพระธรรมวินัย เพราะเหตุว่า ทำให้วัดไม่ใช่ที่ของผู้ที่สงบที่จะศึกษาพระธรรมขัดเกลากิเลส เพราะฉะนั้น ในครั้งนั้น ไม่มีใครไปทำอะไรที่พระวิหารเชตวัน พระวิหารเวฬุวัน หรือพระวิหารใดๆ ในครั้งก่อน เพราะเหตุว่า วัด เป็นที่อยู่ของพระภิกษุ เป็นที่อยู่ของผู้สงบอย่างยิ่งที่สละอาคารบ้านเรือน ขัดเกลากิเลสฟังพระธรรม สนทนาธรรม อบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสตามพระธรรมวินัย เท่านั้น คือ วัด วัดจะเป็นอื่นอย่างอื่นไม่ได้
~ ไม่ตามสิ่งที่เป็นอกุศล
~ เมื่อมีการศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว สมควรไหมที่จะให้คนอื่นเข้าใจถูกต้องด้วย ถ้าไม่คิดแก้ไขเลย ทราบไหมว่าความวิบัติมากมายมหาศาลจะเกิดขึ้นจากความไม่รู้?
~ ถ้าใครก็ตามได้เข้าใจธรรม ก็คิดที่จะให้คนอื่นได้รู้ได้เข้าใจด้วย ถึงใครๆ จะไม่คิดแก้ไข แต่สำหรับคนที่เข้าใจธรรมแล้วแก้ไข แต่ละหนึ่งๆ ไป ก็ยังคงจะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้
~ รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเข้าใจคำที่พระองค์ตรัส
~ ที่ปลุกเสกทำเครื่องรางของขลัง นั้น ทำให้คนหลงผิดคิดว่าพระพุทธศาสนาทำให้คนเป็นผู้วิเศษในทำนองนี้ ไม่ใช่เป็นการเข้าใจพระธรรม ก็เท่ากับลบคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ คำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้วตรัสอีก บ่อยๆ เพื่อที่จะให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง คนฟังก็นึกถึงบ่อยๆ (คือสาธยาย) เพื่อเข้าใจ
~ ใครก็สะเดาะเคราะห์ให้ใครไม่ได้ นอกจากตนเอง ถ้ามีความเข้าใจถูก ก็คือ ทำดีก็จะพ้นจากเคราะห์ แต่ถึงจะไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่ความดี อย่างไรๆ ก็ไม่พ้นจากเคราะห์ซึ่งเป็นผลของกรรมที่ไม่ดี
~ พระพุทธศาสนาคืออะไร? คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจถูก ทั้งหมดที่เป็นความทุกข์มาจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ จากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงให้รู้ว่าคืออะไร เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีการศึกษาธรรมเลย อย่างไรๆ ก็ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา
~ พระภิกษุคือใคร? พระภิกษุคือผู้ที่สละอาคารบ้านเรือนทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตซึ่งจะต้องกระทำตามพระธรรมวินัย ซึ่งพระภิกษุต้องสละอาคารบ้านเรือนทรัพย์สมบัติทั้งหมดแล้ว จึงได้บวช ด้วยเหตุนี้ พระภิกษุจึงไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง เมื่อท่านไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง แล้วคฤหัสถ์เอาเงินไปให้ผู้ที่ไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง ถูกต้องไหม? แล้วก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาด้วย เพราะเหตุว่าคนส่วนใหญ่คิดว่าถวายเงินพระภิกษุได้ แต่ว่าแท้ที่จริงแล้วพระภิกษุไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง ถ้ารับก็ต้องอาบัติผิดพระวินัยซึ่งจะต้องแก้ไขด้วยการปลงอาบัติตามพระวินัย (สละเงินทอง ให้ถูกต้องตามพระวินัยแล้ว) จึงจะพ้นจากอาบัติได้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมแล้วๆ เล่าๆ ถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ จนกว่าผู้นั้นจะเกิดปัญญา ทรงมีพระมหากรุณาอย่างยิ่ง เพราะเขาไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็ทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวงสิ้นเชิง เพื่อเขาจะเข้าใจ เมื่อเขาเข้าใจแล้วเขาก็เป็นผู้ที่ปลอดโปร่งจากการหลงผิด เพราะเขารู้ว่าอะไรเป็นเหตุที่แท้จริงที่จะทำให้เกิดความทุกข์ ถ้ายังมีเหตุที่จะทำให้เกิดทุกข์แล้วไม่รู้ ก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ต่อไป
~ ไม่มีอะไรที่จะคุ้มครองให้พ้นจากความหลงผิดสูญเสียเงินในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ได้ นอกจากพระธรรมวินัย ถ้าได้ศึกษาแล้วเข้าใจ ก็รู้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้น (คือ พระเครื่อง เป็นต้น) ไม่สามารถกระทำสิ่งที่หลงเชื่อว่าจะทำได้ เพราะเหตุว่า ไม่เป็นเหตุไม่เป็นผล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้แสดงให้ไปเชื่อสิ่งต่างๆ เหล่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเขามีความมั่นคงในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะรู้ความจริงว่า สิ่งต่างๆ เหล่านั้น เหลวไหล ไร้สาระ ไม่มีเหตุผล.
(ทีมงานอาสาสมัครที่ทำการบันทึกวีดีโอการสนทนาพิเศษในครั้งนี้)
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ...
กราบอนุโมทนาและระลึกถึงคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนากับทีมงานทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและอนุโมทนายิ่งในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่น ครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา ครับ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ