อาตมาเป็นพระใหม่ ก็เลยไม่รู้ประสีประสา ติดนิสัยจากตอนเป็นฆราวาส เรื่องมีอยู่ว่าอาตมาก็ได้คุยกับโยมเพื่อนทาง Facebook ก็คุยทั่วๆ ไป แต่เป็นภาษาพระคุยกับฆราวาส คือตอนนั้นเกรดที่มหาวิทยาลัยออกพอดี แล้วอาตมาได้เยอะกว่าโยมเพื่อน ก็เลยเผลอพิมพ์เล่นๆ ไปประมาณว่า "มีของก็งี้แหละโยม" แต่แค่พิมพ์เล่นๆ จริงๆ ตอนนี้เพิ่งรู้เพราะตอนเป็นฆราวาส อาตมาก็ชอบคุยโม้ปั่นเรื่องไปเรื่อยกับโยมเพื่อน แต่โยมเพื่อนก็รู้ว่าแค่เล่นๆ ไปงั้น เพราะปกติก็เล่นกันแบบนี้ เหมือนยังติดนิสัยมา ไม่ทันได้พิจารณา ตอนนี้เครียดมากๆ อย่างนี้อาตมาจะอาบัติปาราชิกหรือไม่ รู้สึกผิดไปแล้วจริงๆ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปาราชิก คือ ประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภทครุอาบัติ อาบัติหนักที่สุด ที่เรียกว่าอาบัติปาราชิก พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ
ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือ แสวงหาศาสตรา อันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์
4. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมอันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)
สำคัญที่เจตนา ถ้ามีเจตนาที่จะอวดคุณวิเศษ ที่ตนไม่มี แล้วกล่าวไป ย่อมอาบัติปาราชิก แต่ เจตนาพูดเล่น ไม่ใช่เจตนาอวดคุณวิเศษที่ตนเองไม่มี ไม่ต้องอาบัติปาราชิกครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จริงๆ การเป็นพระภิกษุจะต้องสำรวมจริงๆ ขัดเกลากิเลสจริงๆ แม้การพูดเล่นๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร แม้ว่าจะไม่เป็นอาบัติปาราชิกก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ การศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างถูกต้องจริงๆ จะเป็นเครื่องเกื้อกูลให้พระคุณเจ้าได้น้อมประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้เท่านั้น แล้วละเว้น ไม่กระทำในสิ่งที่ผิด ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ