[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 426
๒. เรื่องภิกษุมากรูป [๒๖๕]
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 43]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 426
๒. เรื่องภิกษุมากรูป [๒๖๕]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุมากรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ" เป็นต้น.
พระสารีบุตรทูลถามปัญหาเพื่อพวกภิกษุ
ในวันหนึ่ง ภิกษุผู้อยู่ในทิศประมาณ ๓๐ รูป มาถวายบังคมพระศาสดาแล้วนั่ง. พระสารีบุตรเถระเล็งเห็นอุปนิสัยแห่งพระอรหัตของภิกษุ เหล่านั้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ยืนอยู่เทียว ทูลถามปัญหานี้ว่า "พระเจ้าข้า ธรรมทั้งหลายที่พระองค์ตรัสเรียกว่า ธรรม ๒ ประการๆ ดังนี้ ธรรม ๒ ประการนี้เป็นไฉนหนอแล"
ทีนั้น พระศาสดาตรัสกะท่านว่า "สารีบุตร สมถะและวิปัสสนา เรียกว่าธรรม ๒ ประการแล" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๒. ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ อถสฺส สพฺเพ สํโยคา อตฺถํ คจฺฉนฺติ ชานโต.
"ในกาลใด พราหมณ์เป็นผู้ถึงฝั่งในธรรม ๒ ในกาลนั้น กิเลสเครื่องประกอบทั้งปวงของพราหมณ์ ผู้รู้อยู่ ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้."
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยทา เป็นต้น ความว่า ในกาลใด พระขีณาสพนี้เป็นผู้ถึงฝั่ง ในธรรมคือสมถะและวิปัสสนา อันตั้งอยู่โดย ส่วน ๒ ด้วยอำนาจแห่งการถึงฝั่งคืออภิญญาเป็นต้น, ในกาลนั้นกิเลส
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 427
เครื่องประกอบทั้งหลาย มีกิเลสเครื่องประกอบคือกามเป็นต้นทั้งปวง ซึ่ง สามารถเพื่อประกอบไว้ในวัฏฏะของพระขีณาสพนั้น ผู้รู้อยู่อย่างนี้ ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ คือความสิ้นไป.
ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ตั้งอยู่ในพระอรหัตแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุมากรูป จบ.