[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๒๗ - หน้าที่ ๓๔๙ -๓๕๐
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสกับพระภิกษุทั้งหลาย ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รอยนิ้วมือ หรือรอยหัวแม่มือของช่างไม้ หรือลูกมือของช่างไม้ ย่อมปรากฏที่ด้ามมีดให้เห็น แต่ว่าช่างไม้หรือลูกมือของช่างไม้นั้น หารู้ไม่ว่าวันนี้ ด้ามมีดของเราสึกไปเท่านี้ วานนี้สึกไปเท่านี้ วานซืนนี้สึกไปเท่านี้ มีความรู้แต่เพียงว่า ด้ามมีดนั้นสึกๆ แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบเนืองๆ ซึ่งภาวนานุโยค (การประกอบเนืองๆ ซึ่งการอบรมเจริญปัญญา) อยู่ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่มีความรู้อย่างนี้ว่า วันนี้ อาสวะ (กิเลสที่หมักดอง ไหลไป) ทั้งหลาย ของเรา สิ้นไปเท่านี้ วานนี้สิ้นไปเท่านี้ วานซืนนี้สิ้นไปเท่านี้ก็จริง แต่เธอก็รู้ว่า สิ้นไปแล้วๆ ”
อ.ณภัทร: เมื่อวานได้สนทนาเรื่องของพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ยาก เพราะว่าพระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เกินประมาณ ส่วนผู้ศึกษาผู้ฟังอย่างเราก็เป็นผู้ที่ปัญญายังน้อยที่จะรู้คุณของพระองค์ เพราะฉะนั้น ประเด็นที่จะกราบเรียนสนทนากับท่านอาจารย์ ก็คือว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ต้องบำเพ็ญพระบารมีที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น บารมีที่ท่านอาจารย์ก็ได้กล่าวเสมอๆ ว่าเป็น จิรกาลภาวนา ก็ต้องเป็นการอบรมที่ยาวนาน ผมก็มีประเด็นว่า ภาวนา ๔ ครับ สัพพสัมภารภาวนา คือการเจริญกุศลทุกประการ ๑ และ นิรันตรภาวนา การอบรมเจริญกุศลที่ต่อเนื่อง ๒ และจิรกาลภาวนา คือการเจริญอบรมกุศลที่ใช้เวลายาวนานมาก ๓ และ สักกัจจภาวนา คือการเจริญกุศลโดยการเคารพในกุศล และเห็นโทษของอกุศล แล้วจึงละอกุศล ๔
ประเด็นที่จะกราบเรียนสนทนากลับท่านอาจารย์ ก็คือสักกัจจภาวนา การเคารพในกุศลครับ จะมีความละเอียดอย่างไร เพราะว่าเมื่อเคารพในกุศล เห็นโทษของอกุศล จึงละอกุศล แต่ขณะนี้ เห็นมี แต่ว่ายังไม่ได้ละ ยังไม่ได้เคารพอะไรเลย ครับ
ท่านอาจารย์: รู้ว่า เห็น ขณะนี้มีจริงๆ ใช่ไหม?
อ.ณภัทร: รู้ว่าเห็นขณะนี้มีจริงๆ ครับ
ท่านอาจารย์: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ความจริงของเห็น เดี๋ยวนี้หรือเปล่า?
อ.ณภัทร: ตรัสรู้ความจริงของเห็นเดี๋ยวนี้ครับ
ท่านอาจารย์: ทรงแสดงหนทางให้ประจักษ์แจ้งความจริงของ เห็น ตามที่พระองค์ได้ทรงประจักษ์แจ้งแล้วหรือเปล่า?
อ.ณภัทร: ทรงแสดงครับ
ท่านอาจารย์: หนทางนั้นคืออะไร?
อ.ณภัทร: หนทางก็คือรู้ความจริงของเห็นที่มีในขณะนี้ครับว่า เป็นธรรมที่ไม่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนครับ
ท่านอาจารย์: แล้วรู้ว่า ขณะนี้เห็นเกิดดับหรือเปล่า?
อ.ณภัทร: พระองค์ทรงแสดงว่า เห็นไม่เที่ยง แต่ขณะนี้เรายังไม่เห็นว่า ไม่เที่ยง ครับ
ท่านอาจารย์: จากไม่เห็น ค่อยๆ ถึงหนทางที่จะประจักษ์แจ้งหรือเปล่า?
อ.ณภัทร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: และขณะนี้ ชาดกทั้งหลายผ่านมาตั้งเป็นกัปป์ๆ แล้วเราเดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน?
อ.ณภัทร: ยังวนเวียนอยู่ครับ
ท่านอาจารย์: ขณะนี้เป็นชาดกหรือเปล่าที่กำลังมีชีวิตอยู่ทุกขณะ?
อ.ณภัทร: ครับ วนเวียนเป็นครับ
ท่านอาจารย์: เหมือนบุคคลในชาดกที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเมื่อได้ฟัง และก็ได้อบรมเจริญปัญญาถึงเวลาที่จะได้รู้แจ้งใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้เราอยู่ไหน ทำอะไร เข้าใจอะไร แค่ไหน?
อ.ณภัทร: ครับ ท่านอาจารย์ก็ย้ำเสมอว่า เข้าใจแค่ไหน และเข้าใจในอะไรครับ
ท่านอาจารย์: ก็ชัดเจนใช่ไหมว่า ต้องมั่นคงระดับไหน?
อ.ณภัทร: ก็ต้องค่อยๆ มั่นคงขึ้นครับ
ท่านอาจารย์: เมื่อมีความเข้าใจ จึงรู้ความลึกซึ้งว่า อีกแสนไกลกว่าจะรู้ความจริงของเห็นเดี๋ยวนี้ ที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้จริงๆ
อ.ณภัทร: ครับ เพราะไม่ใช่แค่คิดว่า เห็นแล้ว ก็ได้ยิน เห็นก็ต้องดับไปแล้วซิ แล้วถึงจะได้ยินอย่างนี้ นั่นยังไม่ใช่ปัญญาที่รู้ตามความเป็นจริงครับ
ท่านอาจารย์: อย่างนั้นใครก็คิดได้ใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: แล้วละอะไรหรือเปล่า? เป็นเราที่กำลังคิดแน่นอน เพราะฉะนั้น ไม่ใช่หนทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้รู้ความจริงว่า แต่ละหนึ่งที่ปรากฏ แต่ละหนึ่ง ต้องไม่ลืมนะ เป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่เหลืออะไรเลย
อ.ณภัทร: ครับ ในแต่ละพระชาติที่พระองค์ได้เสวยพระชาติเป็นบุคคลต่างๆ ในชาดกนี่ครับ การอบรมเจริญปัญญา บำเพ็ญบารมี ของพระองค์ในแต่ละชาติก็แตกต่างกันไปใช่ไหมครับ?
ท่านอาจารย์: เหมือนทุกชีวิตใช่ไหม ทุกนามธรรมรูปธรรมในทุกชาติ ไม่ซ้ำเลย
อ.ณภัทร: ครับ เพราะฉะนั้น ภาวนา ๔ อย่าง ที่พระองค์ได้ทรงแสดงว่า สัพพสัมภารภาวนา คือการเจริญกุศลทุกประการ ได้ฟังอย่างนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ควรเจริญ แต่ว่า ก็เป็นสิ่งที่ยากครับ
ท่านอาจารย์: แล้วค่อยๆ อบรมได้ไหม?
อ.ณภัทร: ค่อยๆ อบรมครับ
ท่านอาจารย์: อดทนแค่ไหน จึงจะเป็นขันติบารมีทั้งในชีวิตประจำวันด้วย? ถ้าชีวิตประจำวันไม่มีความอดทนเลยที่จะละอกุศล เก็บอกุศลมาไว้ทุกวันเพิ่มขึ้นๆ และนั่นเป็นหนทางหรือเปล่า ที่จะรู้ว่า ไม่มีอะไรเหลือเลย เพียงแต่มีสิ่งที่เกิดแล้วดับ แล้วไม่กลับมาอีก เมื่อมีความเห็นที่ถูกต้องว่า ไม่มีอะไรเหลือเลย แล้วไปเก็บอะไรไว้เต็มขยะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ค่อยๆ คล้อยไปตามความเป็นจริงที่ถูกต้องทีละเล็กทีละน้อย จนสามารถที่จะรู้ว่า ถ้าไม่ใช่ปัญญาที่ถึงสิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ นั่นไม่ใช่หนทาง
อ.ณภัทร: ครับ ถ้าไม่ใช่ปัญญาที่ถึงสิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้นั้น ไม่ใช่หนทาง ต้องเป็นปัญญาที่รู้ในสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้
แล้ว นิรันตรภาวนา การอบรมที่ต่อเนื่องครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่มีต่อ จะมีถึงขณะนี้ไหม?
อ.ณภัทร: ไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จะกี่ชาติกี่ขณะก็ตาม ก็ต้องต่อจากที่ได้มีแล้ว
อ.ณภัทร: ครับ เพราะฉะนั้น ในแต่ละชาติแต่ละบุคคลที่ได้สะสมความเข้าใจ ก็สะสมไปๆ ในแต่ละชาตินั้นใช่ไหมครับ?
ท่านอาจารย์: แน่นอน จะเอามาจากไหนถ้าไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ จนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจขึ้น
อ.ณภัทร: ครับ อย่างบุคคลที่มีการสะสมมาที่จะฟังพระธรรม ก็ต้องมีการสะสมมาครับ ต้องมีเหตุ มิเช่นนั้น ก็คงไม่ฟังพระธรรม
ท่านอาจารย์: แล้วฟังแล้ว ทำอะไรบ้าง? เห็นไหม? มีเหตุไหมที่พระธรรมที่สะสมมา จะเป็นเหตุให้กระทำอะไรบ้าง
อ.ณภัทร: ก็ละเอียดลึกซึ้งครับ
ท่านอาจารย์: นี่เบื้องต้นรอบที่ ๑ ของอริยสัจจธรรม เพราะฉะนั้น กว่าจะถึงรอบสุดท้าย เป็นอย่างไร? อีกนานเท่าไหร่? ปัญญาเท่าไหร่? ละคลายเท่าไหร่? มั่นคงเท่าไหร่? ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องเลย แล้วก็จะไปรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
เพราะฉะนั้น เครื่องพิสูจน์ ก็คือว่าถ้ายังไม่รู้เดี๋ยวนี้ ยังอีกนานเท่าไหร่?
อ.ณภัทร: ก็ไม่ต้องคิดเลยครับว่าอีกนานเท่าไหร่
ท่านอาจารย์: นั่นแหละ เป็นหนทางละ เป็นมรรคมีองค์ ๘ ที่จะรู้ว่า หนทางอื่นไม่ได้เลย นอกจากความเข้าใจที่เกิดตามลำดับทีละเล็กทีละน้อยของการสะสมของแต่ละคนด้วยความอดทนด้วยบารมีทุกประการ
อ.ณภัทร: เพราะฉะนั้น บารมีก็เป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆ ครับ ถ้าไม่มีบารมีก็ไม่ถึงฝั่งแน่นอน
ท่านอาจารย์: อยู่ดีๆ จะให้ประจักษ์การเกิดดับของเห็นเดี๋ยวนี้ได้อย่างไร ไปนึกเอาก็ไม่ได้ ยังคงเป็นเราอยู่ จนกว่าค่อยๆ ละคลายด้วยความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏที่เกิดแล้ว
อ.ณภัทร: ดังนั้น เป็นพระมหากรุณาคุณอย่างยิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรม มิเช่นนั้น ก็ไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังคำว่า ธรรม ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะหนทางลึกซึ้งมาก ไม่มีทางที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง
ขอเชิญอ่านได้ที่..
จิรกาลภาวนา
[คำที่ ๑๖๘] สพฺพสมฺภารภาวนา
ขอเชิญคลิกฟังได้ที่..
อบรมเจริญกุศล (ภาวนา ๔ อย่าง)
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ณภัทร ด้วยความเคารพค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลทุกประการค่ะน้องเมตตา