เพียงความเลื่อมใสในผู้ที่มีคุณความดี เช่น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ ก็ยังเป็นเหตุให้ไปสู่สุคติได้ เพราะฉะนั้น ถ้าประพฤติปฏิบัติตาม ก็ย่อมจะต้องให้ผลมากกว่าเพียงเลื่อมใสแล้วก็ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม
ปรมัตถทีปนี อรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก นิทานกถา มีข้อความที่แสดงภาวนา ๔
ภาวนา คือ การสะสมอบรมกุศลที่เป็นเหตุให้พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ซึ่งความประพฤติในแต่ละชาติที่เป็นไป เป็นการบำเพ็ญบุญบารมีเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมทั้งหมด เป็นโพธิสมภารทั้งสิ้น
ท่านผู้ฟังคงเคยได้ยินคำว่า โพธิ หรือ โพธิสมภาร บ่อยๆ โพธิสมภาร คือ การประพฤติเป็นไปในกุศล ซึ่งเป็นบารมีที่จะให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม
โพธิสมภาร หรือโพธิจริยา อัครยาน บารมี โดยอรรถเป็นอันเดียวกัน พยัญชนะเท่านั้นที่ต่างกัน
เพราะฉะนั้น แสดงให้เห็นถึงความหมายของภาวนา ซึ่งกว่าจะรู้แจ้ง อริยสัจจธรรม ไม่ใช่เร่งรีบทำกุศลชาติเดียวก็จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้
ข้อความใน ปรมัตถทีปนี อรรถกถา จริยาปิฎก มีว่า
ภาวนาในโพธิสมภารมี ๔ อย่าง คือ สัพพสัมภารภาวนา ๑ นิรันตรภาวนา๑ จิรกาลภาวนา ๑ สักกัจจภาวนา ๑
เป็นการแสดงลักษณะของการอบรมเจริญภาวนา คือ การสะสมเหตุที่จะ ให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมทุกๆ ชาตินั่นเอง
คำอธิบายมีว่า ขอเชิญรับฟัง
ภาวนาในโพธิสมภารมี ๔ อย่าง
โพธิ หรือ โพธิสมภาร คือ การประพฤติเป็นไปในกุศล ซึ่งเป็นบารมีที่จะให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม
ยินดีในกุศลจิตครับ