สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ที่มูลนิธิฯ
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๐
อรวรรณ ถ้าอย่างนั้นหมายความว่า ที่ได้ฟังมาตามเทป ตั้ง ๕๐ ปี ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนี้ ท่านพูดเมื่อไร ก็มีธาตุ ซึ่งไม่รู้อะไรเลย และมีธาตุที่สามารถรู้ว่าเป็นธรรมะ เพียงปรากฏแล้วก็หมดไป ความจริงเป็นอย่างนี้ ท่านอาจารย์ก็พูดอย่างนี้ นั่นหมายความว่า ธรรมะ นี้ก็เป็นธาตุ อันหนึ่งรู้ อันหนึ่งไม่รู้ คือ รูปหรือนาม เพียงเกิดปรากฏแล้วก็หมดไป เพียงแต่ปัญญา เรายังไม่รู้ความจริงอย่างนั้น ทีนี้พอเราฟัง ก็จะมีตัวเราฟัง ก็เป็นเครื่องกั้น
อาจารย์ ก็เลิกไงคะ ไม่ต้องไปคิดถึงตัวเรากำลังฟัง มีฟัง แล้วก็มีสิ่งที่ปรากฏ ไปเอาตัวเราที่ไหนมาอีก ก็เมื่อกำลังฟังเรื่องสิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วไปนึกถึงตัวเรา เวลาที่กุศลจิตเกิด มีอกุศลจิต เกิดพร้อมกันในขณะเดียวกันได้ไหม
อรวรรณ ไม่ได้
อาจารย์ แล้วตัวเรา จะเข้ามาแทรกอยู่ในขณะที่เข้าใจ ได้ไหม
อรวรรณ ขณะเข้าใจก็ไม่มี
อาจารย์ แต่เพราะเกิดดับอย่างเร็วมาก แล้วไม่รู้ลักษณะที่ต่างกัน ก็ยังมีความเป็นเราได้ จนกว่าจะฟัง แล้วมีความเข้าใจขึ้น แม้ที่เข้าใจว่าเป็นเรา เป็นธรรมะอะไร เป็นรูปธรรม หรือ นามธรรม
ฟังเท่าไรก็ยังเป็นตัวเราที่เข้าใจหรือไม่เข้าใจทุกที
ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
ฟังเท่าไรก็ยังเป็นตัวเราที่เข้าใจหรือไม่เข้าใจทุกที
ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาด้วยครับ ถึงได้ต้องฟังอีกและฟังอีก บ่อยๆ เนืองๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส จนกว่าจะไม่เป็น"เรา"
ขออนุโมทนาค่ะ ความเป็นตัวเราหนาแน่น สุดประมาณ ยากจริงๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ