เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางนักการเมืองหรือข้าราชการที่โกงกิน
โดย สุขภาวะ  4 มิ.ย. 2552
หัวข้อหมายเลข 12577

เมื่อต้องทำงานเกี่ยวข้องอยู่ท่ามกลางนักการเมืองหรือข้าราชการที่โกงกิน เราเป็นผู้ศึกษาธรรมะและรู้สึกละอายต่อบาป แต่ไม่สามารถขัดขวางหรือหลีกหนีได้ การที่จะเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมะในเหตุการณ์นี้ ควรทำอย่างไร?


ความคิดเห็น 1    โดย prachern.s  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ความจริงคนที่โกงกินหรือกระทำบาปทุจริตทั้งหลาย เป็นคนที่น่ากรุณาอย่างยิ่ง เพราะเขาเป็นคนที่คิดสั้น กำลังทำเหตุแห่งความทุกข์ในอนาคตให้แก่ตนเอง ถ้าหากเขารู้จริงๆ ว่าการทำเช่นนั้นจะนำมาซึ่งความทุกข์ความพินาศเขาจะไม่ทำ แต่เพราะเขากระทำด้วยความไม่รู้ จึงน่าสงสารมากครับ ไม่ควรโกรธ ไม่ควรด่าว่าเขา เพราะจะทำให้จิตของเราศร้าหมอง...


ความคิดเห็น 2    โดย พงศ์ศิริ  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

เห็นด้วยกับคุณ prachern.s ค่ะ

แต่เพราะเรายังเป็นปุถุชนผู้ยังไม่ได้สดับ จึงไม่มีสติพอจะระลึกได้ว่า

น่ากรุณาอย่างยิ่ง

กว่าจะระลึกธรรมสักครั้งก็หลงก่นด่าเขาเสียมากมาย (ไปแล้ว)

ขนาดที่ว่าระลึกขึ้นได้ว่าควรสงสาร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอย่างที่ระลึกได้เลย

คิดแต่จะสมน้ำหน้าถ้ากรรมตามทัน

แสดงว่าว่าเรายังไม่มั่นคงในพระธรรม (แหง...เลย)


ความคิดเห็น 3    โดย akrapat  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

เห็นด้วยครับ พื้นฐานของคนที่โกง หรือกระทำทุจริต เป็นจิตที่ประกอบไปด้วย โลภเจตสิกเป็น ปรกติ คือจิตประเภทนี้เกิดบ่อยๆ กว่าคนทั่วไป ความละอายชั่วกลัวบาปซึ่งเป็น กุศลจิตย่อมเกิด ไม่ได้ ที่จริงไม่ต้องรอรับผลกรรมในชาติหน้าหรอกครับ แท้จริงจิตก็รับผลของอกุศลจิต ในขณะที่เป็นโลภะอยู่แล้ว

เป็นแค่ความคิดเห็น นะครับ อนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย choonj  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

คำถามน่าคิดนะครับ การศึกษารู้ว่าผู้ไม่มีความละอายเกลงกลัวต่อบาปจะนำความทุกข์พินาศมาให้ แต่ไม่ใช่เฉพาะนักการเมื่อง แม้นพ่อค้าที่ติดต่อนักการเมืองก็ไม่มีความละอายเกลงกลัว เมื่อสำเร็จก็ว่าเก่ง มี่ผู้นับหน้าถือตามากมาย จะได้อะไรก็ไม่ลำบาก พ่อค้าที่ทำการค้าอยู่ทุกวันนี้ บางทีก็จะมองข้ามความละอายเกลงกลัวเพื่อหวังผลกำไร ถ้ามัวแต่ละอายเกลงกลัวต่อบาปก็ไม่ได้การค้า คนหนึ่งแย้งคนหนึ่งไม่แย้งคนแย้งก็มีโอกาสได้การค้ามากกว่า นักการเมืองและพ่อค้าทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนี้ ผมว่าถ้าเราเกิดมาสั่งสมเพื่อศึกษาธรรม ก็อย่าไปสนใจคนเหล่านั้น ศึกษาธรรมของเราต่อไปดีกว่า เพราะไปทำการค้าและเป็นนักการเมืองและไม่ได้สั่งสมมาก็สู้เขาไม่ได้แน่ ครับ

ความคิดเห็น 5    โดย คุณ  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 6    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

เมื่อต้องทำงานเกี่ยวข้องอยู่ท่ามกลางนักการเมืองหรือข้าราชการที่โกงกิน เราเป็นผู้ศึกษาธรรมะและรู้สึกละอายต่อบาป แต่ไม่สามารถขัดขวางหรือหลีกหนีได้

ส่วนใหญ่ราชการมีกฏ ระเบียบ..ที่ควบคุมบังคับ....ปกป้องการคอรับชั่นอยู่แล้วการคอรัปชั่นคือการหาช่องโห่วของกฏระเบียบ.หากข้าราชการกล้าที่จะคัคค้านในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่หวั่นไหว ต่อตำแหน่ง ลาภสักการะ โอกาสนักการเมืองหรือข้าราชการที่โกงกิน ....ค่อนข้างยากหากเชื่อเรื่องของกรรมและผลของกรรม.....ไม่ควรโกรธ ไม่ควรด่าว่าเขา เพราะจะทำให้จิตของเราศร้าหมอง...เชิญคลิกอ่าน...โลกธรรม 8 ในชีวิตประจำวัน ขออนุโมทนาคะ


ความคิดเห็น 7    โดย ไตรสรณคมน์  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ไม่ควรก้าวก่ายในกิจของคนอื่นค่ะ

คนดี คือ คนที่ตรงต่อหน้าที่

หน้าที่......ที่พึงปฏิบัติต่อทิศทั้ง ๖

ขออนุโมทนาที่เห็นโทษของทุจริตกรรม

และขอให้มีความมั่นคงยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า.....

"ยอมสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม"


ความคิดเห็น 8    โดย พุทธรักษา  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ท่านอาจารย์ เคยสอน เรื่อง "มือที่มองไม่เห็น"และ "ควรพิจารณาจิตใจของตนเอง" ค่ะและยังเคยกล่าวตอนหนึ่ง ในการสนทนาธรรม ว่าการที่เรามีหน้าที่การงาน หรืออาชีพ ใดๆ นั้น...ล้วนเป็นการสะสมของเราเองถ้าเราเห็นโทษ เห็นภัย จริงๆ ....ด้วย "ปัญญา"เราจะทราบว่า...ควรจะทำอย่างไร.?แต่ปัญญา ก็ไม่ใช่สิ่งที่เอาใช้ได้อย่างใจต้องการ เมื่ออยากจะใช้......เพราะไม่มีปัญญา แล้วจะเอาไปใช้ได้อย่างไร.!แต่สะสม "ปัญญา" ได้ด้วยการเริ่ม ศึกษาพระธรรม ให้เข้าใจความเข้าใจ นั้นเอง คือ "ปัญญา"

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย khampan.a  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น บุคคลผู้โกงกิน เป็นคนพาล เป็นบุคคลผู้เขลา ไม่รู้ มีปกติคิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่วเมื่อมีความโลภ มีความติดข้อง อยากได้ทรัพย์สินเงินทองมากๆ จึงมีการประพฤติทุจริตกรรมประการต่างๆ เบียดเบียนบุคคลอื่นให้เดือดร้อน กล่าวได้ว่า เป็นผู้มองเห็นเฉพาะโลกนี้เท่านี้น ไม่ได้มองเห็นโลกหน้า คือ จะทำให้ตนเองได้รับความสุขสบายในชาตินี้เท่านั้นไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา นั่นก็คือ เมื่อกรรมชั่วที่เขาทำ ให้ผล เขาต้องได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อนต่างๆ มากมาย มีการเกิดในนรก เป็นต้น ซึ่งไม่มีใครทำให้เลย นอกจากตัวเองเท่านั้นที่ทำให้กับตัวเอง บุคคลประเภทนี้ควรอย่างยิ่งที่เราจะเห็นใจเขา ควรสงสารเขา ในการสร้างเหตุที่ไม่ดีให้กับตัวเขาเอง ไม่ควรที่เลยจิตของตนเองจะเป็นอกุศลเพราะอกุศลของผู้อื่น และ ไม่ควรเอาเป็นอย่าง แต่ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นบัณฑิต ด้วยการสะสมกุศล (ความดี) พร้อมทั้งศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก เพื่อเป็นที่พึ่งในภายหน้า จนกว่าจะบรรลุถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลส ได้ในที่สุด ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

ความคิดเห็น 10    โดย suwit02  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

สาธุ

ขอเชิญคลิก อ่านกระทู้

อันธสูตร

คนตาบอดมืด เคราะห์ร้ายทั้ง ๒ ทาง คือ

โภคทรัพย์อย่างที่ว่าก็ไม่มี ความดีก็ไม่ทำ.

ส่วนอีกคนหนึ่งนี้ เรียกว่า บุคคลตาเดียว

ประกอบด้วยธรรมบ้างและอธรรมบ้าง แสวงหาแต่โภคทรัพย์

เป็นคนครองกามที่ฉลาด รวบรวมทรัพย์ ด้วยการขโมย การโกงและการปลิ้นปล้อน บุคคลตาเดียวนั้น ละจากโลกนี้แล้ว ไปนรก ย่อมเดือดร้อน.

ส่วนคนที่เรียกว่า คนสองตา เป็นบุคคลประเสริฐ

ให้ทรัพย์ที่ได้ด้วยความขยันจากกองโภคะที่ตนหาได้โดยชอบ (เป็นทาน)

มีความคิดที่ประเสริฐ มีใจไม่เคลือบแคลง ย่อมเข้าถึงฐานะอันเจริญ

ซึ่งเป็นฐานะที่ถึงแล้วไม่เศร้าใจ.

บุคคลควรหลีกคนบอดและคนตาเดียวเสียให้ไกล

ควรคบแต่คนสองตา ซึ่งเป็นบุคคลประเสริฐ.


ความคิดเห็น 11    โดย สุขภาวะ  วันที่ 5 มิ.ย. 2552
ขอขอบพระคุณความเห็นของทุกท่าน ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 12    โดย paderm  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

เห็นอกุศลคนอื่นแล้วน้อมพิจารณา เห็นโทษของอกุศล

ไม่ลืมเสมอว่าทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา

ขณะที่คิดถึงคนอื่น ขณะนั้นมีธรรมไหม

น้อมพิจารณาจิตตัวเอง

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 13    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 5 มิ.ย. 2552
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

ความคิดเห็น 14    โดย ประสาน  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ (ไม่ควรที่เลยจิตของตนเองจะเป็นอกุศล

เพราะอกุศลของผู้อื่น) เจริญธรรม


ความคิดเห็น 15    โดย wannee.s  วันที่ 6 มิ.ย. 2552

ไม่ควรแลดูกิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำ

ของคนเหล่าอื่น,พึงพิจารณากิจที่ทำแล้ว

และยังมิได้ทำของตนเท่านั้น


ความคิดเห็น 16    โดย Sam  วันที่ 6 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 17    โดย ทศพล.com  วันที่ 9 มิ.ย. 2552

คนไม่ดีทำเลวได้ทุกอย่าง แล้วแต่เหตุปัจจัย คนที่ไม่ใช่พระอริยะบุคคลก็ใช่ว่า

จะไม่ทำไม่ดีไม่ได้


ความคิดเห็น 18    โดย fam  วันที่ 11 มิ.ย. 2552

ความจริงคนที่โกงกินหรือกระทำบาปทุจริตทั้งหลาย เป็นคนที่น่ากรุณาอย่างยิ่ง เพราะเขาเป็นคนที่คิดสั้น กำลังทำเหตุแห่งความทุกข์ในอนาคตให้แก่ตนเอง

ขออนุโมทนาบุญค่ะ


ความคิดเห็น 19    โดย pornchai.s  วันที่ 11 มิ.ย. 2552

มีข้อความจากท่านผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณท่านหนึ่ง กล่าวไว้ว่า

" ทำไมเราสงสารเขาช้าจัง "

เนื่องจากเราไปสงสารเขาตอนที่เขาได้รับผลของอกุศลกรรม เช่น เมื่อเราเห็นผู้ที่ได้รับ

ทุกขเวทนาทางกายมาก เจ็บปวด ทุกข์ทรมานมาก เรามักจะเกิดความสงสารตอนนั้น

ความจริงควรที่จะสงสารเขาตั้งแต่เขาทำอกุศลกรรมได้เลย เพราะในอนาคตเขาจะได้

รับผลของกรรมเป็นความทุกข์ทางกายแสนสาหัสครับ


ความคิดเห็น 20    โดย ปริศนา  วันที่ 11 มิ.ย. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12577 ความคิดเห็นที่ 7 โดย ไตรสรณคมน์

ไม่ควรก้าวก่ายในกิจของคนอื่นค่ะ

คนดี คือ คนที่ตรงต่อหน้าที่

หน้าที่......ที่พึงปฏิบัติต่อทิศทั้ง ๖

ขออนุโมทนาที่เห็นโทษของทุจริตกรรม

และขอให้มีความมั่นคงยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า.....

"ยอมสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม"


ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 21    โดย paderm  วันที่ 13 มิ.ย. 2552

สำคัญที่ตัวเองจริงๆ ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่...ผาสุวิหารสูตร..ปฐมอขันติสูตร เสาร์ที่ ๑๓ มิ.ย. ๒๕๕๒


ความคิดเห็น 22    โดย hadezz  วันที่ 15 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 23    โดย สุภาพร  วันที่ 19 มิ.ย. 2552

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 24    โดย opanayigo  วันที่ 22 มิ.ย. 2552

ผู้ใหญ่ในครอบครัวเคยสอนว่า

ไม่มีข้าราชการที่ไม่ดี

ข้าราชการที่ไม่ดี ไม่ใช่ข้าราชการ

ไม่มีพระที่ไม่ดี

พระที่ไม่ดี ไม่ใช่พระ

ทุกคนเป็นไปตามครรลองแห่งตน (กรรม)

ขออุทิศให้คุณยาย...กราบอนุโมทนา


ความคิดเห็น 25    โดย Anutta  วันที่ 22 มิ.ย. 2552

ข้าราชการแปลว่าเป็นข้ารองพระบาทของพระเจ้าอยู่หัว

ขออนุโมทนาในหิริ โอตัปปะของคุณสุขภาวะ ด้วยค่ะ

และขอเป็นกำลังใจให้นะคะ


ความคิดเห็น 26    โดย ทรงศักดิ์  วันที่ 22 มิ.ย. 2552

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

เมื่อเห็นว่า คนที่โกงกินเป็นบุคคล น่าสงสาร เพราะได้สร้างเหตุแห่งทุกข์ในอนาคต

ด้วยความเมตตา และกรุณาที่เกิดขึ้น ต่อบุคคลนั้นๆ หากมีโอกาสควรแนะนำหาทางให้เขาได้สำนึกและกลับตัวเป็นคนดี เช่น ชวนสนทนามาทางธรรม และ ชักชวนมาฟังธรรมบ้าง ...........กุศลที่เขาเคยทำไว้ในอดีต อาจช่วยให้เขาได้สติคิดทำความดีก็เป็นได้

น่าจะช่วยคนเหล่านี้เท่าที่ทำได้ด้วย เพื่อไม่ให้เขาสร้างอกุศลกรรมขึ้นอีก


ความคิดเห็น 27    โดย ไตรสรณคมน์  วันที่ 22 มิ.ย. 2552

^

^

เห็นด้วยค่ะ....

สังคมที่มีคนชั่วยังไม่น่ากลัวเท่ากับมี "คนดีที่อยู่เฉย"

และถ้าดีจริงๆ ....คนนั้นต้องรู้จักบำเพ็ญทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นค่ะ


ความคิดเห็น 28    โดย ปริศนา  วันที่ 24 มิ.ย. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12577 ความคิดเห็นที่ 27 โดย ไตรสรณคมน์

^

^

เห็นด้วยค่ะ....

สังคมที่มีคนชั่วยังไม่น่ากลัวเท่ากับมี "คนดีที่อยู่เฉย"

และถ้าดีจริงๆ ....คนนั้นต้องรู้จักบำเพ็ญทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นค่ะ


สาธุ

ขออนุโมทนาค่ะ