เพศบรรพชิตเป็นเพศที่หาเลี้ยงชีพด้วยก้อนข้าวของคนอื่น สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจหรือ อยู่ต่างศาสนา การกระทำเช่นนี้ของพระภิกษุจึงถูกติเตียนว่าเกียจคร้านและเป็นอาชีพที่ต่ำ เราจะอธิบายให้เขาเข้าใจอย่างไร
ควรเข้าใจว่าเพศบรรพชิตต่างจากเพศคฤหัสถ์ คฤหัสถ์ประกอบอาชีพต่างๆ รับเงินและทอง แต่บรรพชิตไม่ได้ทำเหมือนคฤหัสถ์ คฤหัสถ์ประกอบหรือหุงต้มอาหารส่วนบรรพชิตทำไม่ได้ คฤหัสถ์เก็บสะสมอาหารได้ตามปรารถนา แต่บรรพชิตทำไม่ได้การเที่ยวบิณฑบาตรของบรรพชิตไม่เรียกว่าเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านทำไม่ได้ การเที่ยวบิณฑบาตรเป็นอาชีพสุจริต เป็นการแสวงหาอาหารโดยธรรม ไม่ได้เบียดเบียนหรือคดโกงใครๆ แล้วแต่ผู้ที่มีศรัทธา ผู้หวังบุญจะถวายท่านไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดๆ อนึ่งโบราณกล่าว่า การเที่ยวบิณฑบาตรเป็นการไปโปรดสัตว์ เพราะส่วนมากคฤหัสถ์ต้องทำกิจการงาน ไม่มีโอกาสได้ทำบุญ แต่เมื่อเห็นบรรพชิตเดินผ่านหน้าบ้าน จึงนำอาหารเท่าที่มีของตนถวาย เพราะบรรพชิตรับอาหาร จึงทำให้บุญ คือทานสำเร็จได้ ถ้าคฤหัสถ์กราบไหว้ ก็นับว่าเป็นกุศลขั้นศีลของผู้ที่เคารพผู้มีเพศสูงกว่า การเที่ยวบิณฑบาตรนับว่าช่วยลดมานะความสำคัญตน ความถือตนได้เช่นกัน การฉันอาหารบิณฑบาตรตามมีตามได้ นับว่าเป็นคุณอันประเสริฐ คือมักน้อย สันโดษ เลี้ยงง่าย ขอเชิญอ่านคุณของสมณะในโรหิณีเถรีคาถาในความเห็นที่ ๒ ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่...
โรหิณีเถรีคาถา [เถรีคาถา]
ขออนุโมทนาค่ะ
พระวินัยบัญญัติเป็นทางสายกลาง
การบัญญัติพระวินัยเป็นพุทธวิสัย
ขออนุโมทนาครับ
ฃออนุโมทนาค่ะ
แม้ในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าก็เสด็จออกบิณฑบาตร เพื่อโปรดสัตว์ ในบทสวดมนต์ สรรเสริฐคุณพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ตรง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นผู้ ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่การกราบไหว้ เป็นนาบุญที่ยอดเยี่ยมไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่าค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เมื่อคราวพระพุทธเจ้าเสด็จไปเมืองกบิลพัศดุ์ เพื่อโปรดพระราชบิดา พระพุทธเจ้า ทรงเสด็จบิณฑบาต พระเจ้าสุทโธทนะเห็นจึงเกิดความอายขึ้น พระองค์จึงเสด็จมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลว่า ทำไมพระองค์ถึงทำให้หม่อมฉันละอายให้เสียวงศ์ตระกูล ด้วยการขอเขากิน พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าวงศ์ของมหาบพิตรเป็นอย่างหนึ่ง ของอาตมาคือ ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง พระพุทธเจ้าแสดงธรรม พระราชบิดาบรรลุเป็นพระโสดาบัน
เห็นได้ว่าเพศคฤหัสถ์ต่างกับเพศบรรพชิต เพศบรรพชิตอาชีพที่บริสุทธิ์ไม่ใช่การทำการงานอย่างชาวโลก แต่เพราะสละอาคารบ้านเรื่องอย่างคฤหัสถ์ มุ่งขัดเกลากิเลสทุกทาง จึงเป็นผู้ขอโดยสมควรโดยการบิณฑบาต เป็นอาชีพที่บริสุทธิ์และเหมาะสมกับเพศบรรพชิตอย่างยิ่ง และชีวิตท่านก็ไม่เกียจคร้านเพราะประกอบความเพียรในการขัดเกลากิเลส ทั้งการบิณฑบาตก็ต้องมีความเพียร ขณะนั้นก็อบรมปัญญา มีความเพียรเกิดร่วมด้วยกับปัญญา เป็นความเพียรที่ประเสริฐ ต่างกับคฤหัสถ์ที่ไม่เข้าใจการอบรม ปัญญา ประกอบการงาน มีความเพียรที่ไม่เป็นไปเพื่อดับกิเลสและสะสมแต่ความเพียร ในทางอกุศลเพิ่มขึ้นครับ ดังนั้นเพศบรพชิตจึงเป็นผู้มีความเพียรในการขัดกลากิเลส ทุกทาง แม้แต่การบิณฑบาตก็มีความเพียรเช่นกัน ครับ
[เล่มที่ 60] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ ๕๓๒
พระปัจเจกพุทธเจ้าตรัสว่า
[๒๐๓๑] อาตมาไม่ได้หุงต้มเอง ไม่ได้ให้ใครหุงต้ม ไม่ได้ตัดเอง ไม่ได้ให้ใครตัด ฤาษีรู้ว่าอาตมาไม่มีความกังวล เป็นผู้ห่างไกลจากบาปทั้งปวง จึงถือภิกษาหารด้วยมือซ้าย ถือเต้าน้ำด้วยมือขวา ถวายภัตตาหารอันปรุงด้วยเนื้อสะอาดแก่อาตมา บุคคล เหล่านี้ยังมีความห่วงใย ยังมีความยึดถือ จึงสมควรจะให้ทาน อาตมาเข้าใจเอาว่า การที่บุคคลเชื้อเชิญผู้ให้นั้นเป็นการผิด.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อธิบายให้เขาเข้าใจว่า ในศาสนาอื่นไม่ว่าจะเป็นศาสนาอะไร ก็จะมีการทำบุญโดยการให้หรือสงเคราะห์องค์การต่างๆ เช่น องค์การกาชาด ฯลฯ ซึ่งตัวเขาเองก็ต้องเคยทำบุญดังกล่าว แต่ศาสนาพุทธ โอกาสที่จะทำบุญเช่นเดียวกันนั้น คือการตักบาตร แล้วก็อธิบายว่าการตักบาตรได้อานิสงค์อย่างไร ตามความคิดเห็นที่ ๑ และ ๒ ครับ
ขออนุโมทนาความคิดเห็นที่ ๑ และ ๒ ครับ
ได้อ่านความคิดเห็นที่ ๑ และที่ ๒ ความคิดเห็นที่ ๙ และที่ ๑๐ แล้วทำให้ยิ่งเกิดความศรัทธาอย่างสูงหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ต่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพศบรรพชิตในสมัยนั้น ท่านสละอาคารบ้านเรือนมุ่งขัดเกลากิเลสทุกทาง ทำแต่งานที่ประเสริฐสุด กำจัดรากมูลทั้ง ๓ ของบาป ทำแต่งานสะอาด สะอาดทั้งภายใน และภายนอก สมควรอย่างยิ่งและเป็นบุญอันยิ่งแก่ผู้มีความศรัทธาได้ถวายอาหารแก่ท่านผู้มีคุณอันประเสริฐ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
จากความเห็นที่ ๘
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ตรง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่การกราบไหว้ เป็นนาบุญที่ยอดเยี่ยม ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่าค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ