นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย •••
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
วันมาฆบูชา
(วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓)
วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือ เป็นวันจาตุรงคสันนิบาต ซึ่งมีการประชุมพร้อมกันด้วยองค์ ๔ ประการ ได้แก่
๑. เป็นวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ ประกอบด้วยมาฆนักษัตร
๒. ภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป ประชุมกันที่พระวิหารเวฬุวัน (อารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา พระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้ถวาย) โดยเป็นการมาตามธรรมดาของตนๆ ไม่มีใครนัดหมาย
๓. ภิกษุทั้ง ๑,๒๕๐ รูป ไม่มีแม้สักรูปหนึ่งที่เป็นปุถุชน หรือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ผู้สุกขวิปัสสกะ ภิกษุทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญาหกทั้งนั้น
๔. ภิกษุทั้ง ๑,๒๕๐ รูป มิได้ปลงผมด้วยมีดโกนบวชแม้แต่รูปเดียว ทั้งหมดล้วนเป็นเอหิภิกขุ (คือได้รับการอุปสมบทจากพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยพระองค์ทรงเปล่งพระวาจาว่า เอหิ ภิกขุ = เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวไว้ดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อกระทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด)
และในวันนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ แก่พระภิกษุทั้งหลาย มีว่า การไม่ทำบาปทั้งสิ้น การยังกุศลให้ถึงพร้อม การยังจิตของตนให้ผ่องใส เป็นต้น สำหรับโอวาทปาติโมกข์นั้น เป็นพระโอวาทคาถา ที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงแสดงเหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างกัน
ในวันมาฆบูชานี้เอง ก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายนั้น ท่านพระสารีบุตร ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาชื่อว่า ทีฆนขสูตร (มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์) ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแก่ทีฆนขปริพาชก (ผู้เป็นหลานของท่านพระสารีบุตร) ณ ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ เขตพระนครราชคฤห์ ดังนั้น ในวันมาฆบูชานี้ จึงเป็นวันที่ท่านพระสารีบุตรได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ด้วย
และอีกประการหนึ่ง วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (ก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้า จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในวันเพ็ญเดือน ๖) เป็นวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปลงอายุสังขาร ใกล้จะปรินิพพาน ตามข้อความที่ว่า “จากนี้ล่วงไปสามเดือน ตถาคตจักปรินิพพาน ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า มีพระสติสัมปชัญญะ ทรงปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ ”และ ตามข้อความที่ว่า “โดยนักษัตรคือดาวฤกษ์เดือนมาฆะ (เดือน ๓) พระองค์ทรงประชุมพระสาวก และ ทรงปลงอายุสังขาร”
ดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่พุทธศาสนิกชนจะได้น้อมระลึกถึงพระมหากรุณาคุณของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อสัตว์โลกทั้งปวง พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตามในคำสอนที่พระองค์ทรงแสดง เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ด้วยการเป็นผู้ไม่กระทำบาป กล่าวคือ อกุศลทุกประเภท ถึงแม้จะเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรเว้นได้ ก็ควรที่จะเว้น ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ เพราะในขณะที่จิตเป็นกุศลนั้น ก็ได้ชื่อว่ายังจิตของตนให้ผ่องใสแล้วชั่วขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้น พร้อมทั้งจะต้องเป็นผู้มีความอดทนต่อทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งจะต้องไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นให้เดือดร้อนทั้งด้วยกายและวาจา เป็นต้น และประการสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยนั้น ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมปัญญาไปตามลำดับ จนกว่าจะมีปัญญาคม เจริญขึ้น กล้าขึ้น ถึงขั้นที่จะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้ในที่สุด.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่
เกร็ดความรู้ในพระพุทธศาสนา ..วันมาฆบูชา !
วันมาฆบูชามีความหมายและความสำคัญอย่างไร
วันมาฆบูชา [ทีฆนขสูตร]
ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ทรงจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณอย่างสูงและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงและขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น