รู้สึกว่าตัวเองเครียดๆ เป็นเพราะว่า เป็นคนที่มีนิสัยจริงจังกับชีวิต มีปัญหาอะไร เข้ามาก็มักเก็บปัญหานั้นมาคิดมาก เป็นกังวล มีวิธีทำอย่างไรให้ใจสงบๆ ไม่เครียด- มั้ยคะ? เริ่มแบบ basic เลยก็ดีค่ะ
ความเครียด เป็นลักษณะของจิตประเภทโทสะ โทสะเกิดเพราะสาเหตุหลายๆ อย่างเช่น เพราะประสบกับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ เพราะเป็นคนมักโกรธ เพราะโล- ภะ เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) เพราะการยึดถือ (อุปาทาน) เป็นต้น ขณะที่จิตเป็น โทสะ ย่อมไม่สงบ เพราะเป็นอกุศล แต่ขณะจิตเป็นไปในกุศล ขณะนั้นสงบ จากอกุศล ฉะนั้น การสะสมธรรมฝ่ายกุศล คือ จิตเป็นไปในเรื่องทาน ศีล สมถะ สติปัฏฐาน เป็นขณะจิตที่สงบจากอกุศล อนึ่ง การศึกษาพระธรรมคำสอนของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อการค่อยๆ รู้ความจริงในชีวิตประจำวัน ขณะที่เข้าใจ ความจริงในสิ่งที่ปรากฏ ขณะนั้นจิตสงบ ไม่มีการยึดถือธรรมเหล่านั้นว่าเป็นเรา ตัวตน ของเรา โดยมากความเครียดมาจากการยึดถือว่า ทุกอย่างเป็นเรา เป็นตัวตนของ เรา การค่อยๆ เข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นเพียงธรรมะอย่างหนึ่งเท่านั้น ก็จะค่อยๆ คลาย ความเครียด แต่ต้องอาศัยกาลเวลาค่อยๆ ศึกษาไป อนึ่ง ผู้ที่จะไม่มีความเครียด อีกเลย คือ พระอนาคามี และพระอรหันต์เพราะท่านมีปัญญารู้ความจริง และละโทสะได้ แล้ว
ข้อเสนอแนะของผมนะครับ "ต้องศึกษา" สิ่งที่อาจารย์สอน หรือฟัง CD ของ อาจารย์ถามตอบ จนกระทั่งเกิดปัญญา จนรู้ว่าทุกอย่างที่ปรากฎคือธรรมะ เกิดขึ้นด้วย เหตุและปัจจัยของธรรมะนั้นๆ ไม่มีใครไปบังคับได้ สิ่งที่เกิดเป็น "วิบากกรรม" ที่ สั่งสมจากการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส และการสัมผัส และนึกคิด มา นานแสนนาน ไม่สามารถหยุดหรือบังคับได้ โดยวิธีอื่น ครับ
เมื่อก่อนผมเป็นคนเครียดจัด เป็นคนจริงจังกับชีวิตมาก และยอมรับความผิดพลาดของตนเองและผู้อื่นไม่ได้ แต่หลังจากได้ฟังพระธรรมจากมูลนิธิฯ ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่า ความเครียดนั้นเป็นโทสะ เป็นอกุศลอันเนื่องมาจากความไม่รู้ (โมหะ) และความรักตัวเอง (โลภะ)
เมื่อเกิดความเครียด ผมพิจารณาแล้วพบว่า ความเครียด คือ ความกลัวร่วมกับความโกรธ เกิดจากความรักตัวเอง อยากให้ตัวเองได้ดี ไม่อยากให้ตัวเองล้มเหลวหรือในบางกรณีก็เกิด เพราะไม่อยากให้คนรอบตัวล้มเหลว อยากให้พวกเขาประสบความสำเร็จ อันจะส่งผลทางอ้อมให้เรารู้สึกดี และอาจได้รับเกียรติ ได้รับคำสรรเสริญไปด้วย ส่วนผู้ที่รู้สึกเป็นศัตรูนั้นก็มักคิดอยากให้ล้มเหลว พ่ายแพ้ อันจะทำให้เรารู้สึกสะใจ สมใจ ซึ่งโดยสรุปแล้วก็เกิดจากความรักตัวเองนั่นเอง
ส่วนที่เป็นความไม่รู้ นั่นคือ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีตัวเรา ไม่มีตัวเองให้รัก และไม่มีผู้อื่นที่จะทำให้เราสมหวังหรือผิดหวัง มีแต่เพียงสภาพที่เป็น รูป และ นาม ที่เกิดขึ้นปรากฎ และก็ดับไป นอกจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดในโลกที่ค้นพบและสั่งสอนหนทางดับความไม่รู้อันนี้เลย
วิธีการแก้ความเครียด คือ ทำความดีครับ เพราะในชีวิตประจำวัน จิตใจที่คิดดีเป็นกุศล จะเกิดพร้อมกับจิตใจที่เครียด เป็นทุกข์ เป็นอกุศล ไม่ได้เลย หรือคิดง่ายๆ ว่า หากคิดดีเป็นกุศลบ่อยเท่าไรก็จะลดโอกาสที่จิตเศร้าหมองเป็นอกุศลให้เกิดได้น้อยลงเท่านั้น
การทำความดี ทำได้หลักๆ สามวิธี คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการศึกษาพระธรรม การให้ทาน และการรักษาศีล เป็นการทำความดีที่ควรทำบ่อยๆ เท่าที่มีโอกาส อันจะช่วยลดโอกาสที่จิตอกุศลจะเกิด ส่วนการศึกษาพระธรรมนั้น นอกจากจะมีประโยชน์ในลักษณะเดียวกันแล้ว ยังช่วยบรรเทาความไม่รู้และสร้างความรู้ความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของความเครียด ความทุกข์ จนสามารถดับทุกข์ได้ทั้งหมดไม่มีเหลือเลย
การที่คุณ poomjai บอกว่า “มีปัญหาอะไรเข้ามา ก็มักเก็บปัญหานั้นมาคิดมากเป็นกังวล ” ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะในชีวิตคนเรา เมื่อได้รับรู้สิ่งใดมาก ก็มักจะคิดถึงสิ่งนั้นมาก เช่น หากใครอ่าน ฟัง หรือดูสิ่งทีไม่ดี หรือสิ่งที่คิดว่าเป็นปัญหาก็มักจะครุ่นคิดถึงสิ่งเหล่านั้นด้วยใจที่เศร้าหมอง ในทางตรงกันข้าม หากใครได้ฟังได้ศึกษาสิ่งที่ดี เช่น ศึกษาพระธรรมจนเข้าใจมากพอ ก็มักจะนำสิ่งที่ได้อ่าน ได้ฟังนั้น มาพิจารณา ใคร่ครวญ ทำความเข้าใจ และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตตามปกติ
ผมจึงขอแนะนำให้คุณ poomjai ฟังคำบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ สุจินต์บ่อยๆ ให้เกิดความเข้าใจที่มากพอ แล้วจะพบว่า ความเครียดและความกังวลในชีวิตจะลดน้อยลงไป ในขณะที่จะพบกับความสงบสุข มากยิ่งขึ้น
ขณะที่กุศลเกิด ไม่เครียด อกุศลเกิดจึงเครียด อนัตตา เครียดก็เป็นธัมมะอย่างหนึ่ง นะ สติควรเกิดระลึกรู้ว่าไม่ใช่เรา
....ทำความรู้จักกับทุกข์ ทำความเข้าใจเรื่องทุกข์ ยอมรับตามความเป็นจริงเรื่อง ทุกข์....อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.........เห็นทุกข์ รู้จักทุกข์ เข้าใจทุกข์ ยอมรับตาม ความเป็นจริง ย่อมเป็นเหตุให้เกิดสุข...เป็นเช่นนี้
เป็นเรื่องปกติที่ทุกกคนต้องคิด แต่ลองคิดกลับไปอีกครั้งว่า การคิดจนเครียดนั้น ทำให้อะไรดีขึ้นมาบ้าง คิดจนสมองจะแตกก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ เป็นวิบากที่ทุกคนจะ- ต้องพบในสิ่งที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง ฟังพระธรรมที่อาจารย์สุจินต์บรรยายไปเรื่อยๆ ผมมี ความรู้สึกว่าคุณ poomjai จะมีความรู้สึกที่ดีขึ้น ไม่เป็นคนที่แบกโลก
ขออนุโมทนาครับ