ยังไม่พบคำอธิบายเรื่องนี้โดยตรง แต่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ทั้งหมดย่อมทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติตามงาม คืองามทั้งกาย งามทั้งวาจา งามทั้งใจ คือเป็นผู้บริสุทธิไม่มีมลทินคือกิเลสชื่อว่า งาม เบื้องต้นงามทางกาย ทางวาจา ด้วยศีลงามท่ามกลาง งามทางใจด้วยสมถะหรือสมาธิ และงามที่สุดด้วยปัญญา วิปัสสนา มรรคและผล
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 564
๑. ปริสาสูตร
บุคคลผู้ทำบริษัทให้งาม ๔ จำพวก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ทำบริษัทให้งาม ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ ภิกษุผู้มีศีล มีธรรมอันงาม ชื่อว่า ผู้ทำบริษัทให้งาม ๑ภิกษุณีผู้มีศีล มีธรรมอันงาม ชื่อว่า ผู้ทำบริษัทให้งาม ๑ อุบาสกผู้มีศีลมีธรรมอันงาม ชื่อว่า ผู้ทำบริษัทให้งาม ๑ อุบาสิกาผู้มีศีล มีธรรมอันงามชื่อว่า ผู้ทำบริษัทให้งาม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ทำบริษัทให้งาม ๔จำพวกนี้แล.
ธรรมอันทำให้งาม มี 2 อย่าง
1. ขันติ ความอดทน อดทนต่ออกุศลวิบาก เช่น ถูกว่า ถูกด่า ถูกตี ก็ไม่โกรธ ให้อภัย เวลาเดินทางเป็นหมู่คณะ รถเสีย อากาศร้อน มีขันติ มีความอดทนที่จะไม่บ่น เป็นต้นคนที่มีขัติ ส่วนมากเป็นที่รักของคนทั่วไป
2. โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม สำรวมกาย วาจา เช่น ไม่พูดให้เขาไม่สบายใจ แม้ ศีลสังวรทั้งหมดก็เป็นโสรัจจะ ค่ะ
ธรรมที่ทำให้งาม ต้องเป็นกุศลธรรมแน่อน แต่กุศลธรรมก็มีหลายระดับ เช่น การถึงสรณะ ศีล 5 ศีล 8 การเลี้ยงดู บิดา มารดา การบำรุงสมณพราหมณ์ รวม ทั้งขั้นสูง คือโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ มี สติปัฏฐานเป็นต้น ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค ผล พระนิพพานด้วยครับ รวมความว่าธรรมฝ่ายดีครับ โดยจะขอยก พระสูตร ต่างๆ ครับ คำว่า ธรรมที่งามก็คือ กัลยาณธรรม
เชิญคลิกอ่านที่นี่..
ศีลงาม ธรรมงาม ปัญญางาม [กัลยาณสูตร]
ขออนุโมทนา