อปร+อปริย (อื่นอีก ทีหลัง ต่อมา) + เวทนีย (อันบุคคลพึงเสวย) + กมฺม (เจตนาซึ่งเป็นผู้กระทำ)
กรรมอันบุคคลพึงเสวยในภพสืบต่อๆ ไป หมายถึง กรรมที่ให้ผลในชาติสืบต่อๆ ไปจากชาติหน้า คือตั้งแต่ชาติที่ ๓ จากชาติปัจจุบันที่ทำกรรมเป็นต้นไป ซึ่งได้แก่ เจตนาเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิตหรืออกุศลจิตที่ทำกิจชวนะในขณะที่ ๒ ถึงขณะที่ ๖ รวม ๕ ขณะ เมื่อชวนวิถีจิตเกิดขึ้นหลายวาระ จนสำเร็จเป็นกุศลกรรมแล้ว ก็จะเก็บสะสมสืบต่อไปในจิตดวงต่อๆ ไป รอวันที่จะให้ผลเมื่อมีปัจจัยถึงพร้อม
เจตนาในชวนจิตขณะที่ ๑ ของทุกวาระจะให้ผลในชาติปัจจุบัน ถ้าไม่มีโอกาสให้ผล ก็จะเป็นอโหสิกรรม คือ ไม่ให้ผลอีกต่อไป เจตนาในชวนจิตดวงที่ ๗ ของทุกวาระ ดวงใดดวงหนึ่งที่ได้โอกาสเป็นชนกกรรม ให้ผลนำปฏิสนธิในชาติหน้า (ชาติที่ ๒ จากชาติที่ทำกรรม) ถ้าไม่มีโอกาสให้ผลก็เป็นอโหสิกรรมเช่นกัน แต่เจตนาในชวนจิตขณะที่ ๒–๖ จะตามให้ผลตั้งแต่ชาติที่ ๓ เป็นต้นไป เมื่อได้โอกาสให้ผลเมื่อไรก็จะตามให้ผลทั้งเป็นชนกกรรมนำปฏิสนธิ และให้ผลในปวัตติกาลด้วย ถ้ายังไม่ให้ผลตราบใด จะไม่มีการเป็นอโหสิกรรม จนกว่าจะถึงการปรินิพพาน
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ