บวชงานศพ มีพระโกนหัวและห่มผ้าเหลืองให้ ไม่มีการท่องขานนาค และสวด

พระวินัยใดๆ 2 วันสึก แต่ช่วงห่มผ้าเหลืองเป็นพระ ไปจงใจให้น้ำอสุจิเคลื่อน แล้ว

ไม่บอกใคร พอสึกเสร็จแล้วอีก 10 ปีผ่านมา จะตั้งใจบวชเป็นพระจริงๆ จะทำได้

ไหมผิดหลักอะไรไหม จะบวชได้ไหม

ในช่วงที่บวชงานศพ ไม่ได้เป็นพระภิกษุตามพระธรรมวินัย

เมื่อไม่ใช่พระภิกษุ อาบัติใดๆ ก็ย่อมมีไม่ได้ ดังนั้น ภายหลัง

เมื่อจะบวชอย่างถูกต้อง ย่อมบวชได้ ไม่ขัดกับวินัยข้อใดๆ ครับ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เพศบรรพชิต เป็นเพศที่จะต้องขัดเกลาเป็นอย่างยิ่ง จะต้องเป็นผู้มีศรัทธา เห็น

โทษของการอยู่ครองเรือนจริงๆ จึงสละทุกสิ่งทุกอย่างทั้งทรัพย์สมบัติ อาคารบ้าน

เรือน เป็นต้น มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง เพื่อจุดประสงค์ คือ ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา

ขัดเกลากิเลส ถ้าลืมจุดประสงค์นี้ ก็เป็นอันตรายมาก เที่ยวย่ำยีพระธรรมวินัย ย่อมเป็น

โทษแก่ตนเอง โดยส่วนเดียว

ถ้าหากว่าไม่มีอัธยาศัยเช่นนี้ ก็สามารถเป็นคนดีและศึกษาพระธรรม ในเพศคฤ-

หัสถ์ได้ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การบวชเป็นการสละทุกสิ่งดังเช่น คฤหัสถ์ ดังนั้น ก็ต้องบวชด้วยจุดประสงค์ที่

ถูกต้อง คือต้องการละกิเลสจนหมดสิ้น เพราะการบวชแล้ว ไม่ได้ประพฤติามพระธรรม

วินัย ก็เป็นโทษกับตัวผู้บวชเอง และ เป็นโทษกับพระพุทธศาสนา เพราะ ย่อมทำให้

พระศาสนาอันตรธานได้เร็วขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในเพศใด แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การ

ศึกษาพระธรรม ที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดง และ น้อมประพฤติปฏิบัติตาม พระธรรม

ย่อมมีประโยชน์กับบุคคลนั้นอย่างแท้จริง เพราะ นำมาซึ่งปัญญา เพราะปัญญา ไม่ได้

เลือกเกิดเลย ว่าจะเกิดกับเพศใด และ กิเลสก็ไม่ได้เลือกเกิดอีกเช่นกัน ว่าจะเกิดใน

เพศใด สำคัญที่สุด เมื่อใดปัญญาเกิด เมื่อนั้น ละกิเลสได้ อันเป็นจุดประสงค์สุงสุด

ในการแสดงพระธรรมของพระพุทธเจ้า ให้เกิดปัญญาของตนเองครับ ขออนุโมทนา

ตอนบวชงานศพ ยังอายุไม่ถึง 17 เลยไม่ปะสีปะสา

ตอนนี้วุฒิภาวะ อะไรต่างๆ นิ่งแล้ว ศรัทธามีแล้ว พิจารณาดีแล้ว

เลยตั้งใจบวชจริงๆ จังๆ

ขอบคุณครับที่ให้คำแนะนำ

ขออนุโมทนา

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ