เรียนท่านผู้รู้ครับ เราจะทราบได้อย่างไรว่าธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เป็นสัมมาทิฏฐิ
หรือมิจฉาทิฏฐิ เมื่อยังศึกษาใหม่ๆ ความเข้าใจของผมคือ เมื่อธรรมใดที่ได้ยิน
ได้ฟังมา ทำให้หวั่นไหว เคลือบแคลงในข้อความ เก็บไปคิดมาก กลัวความผิด
ร้อนรน เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่เมื่อได้ฟังธรรมใด ที่ทำให้สงบ ระงับ เป็นไปเพื่อความ
เข้าใจว่าไม่มีเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆ เรา เป็นสัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ผมเข้าใจถูกหรือ
ผิดครับ เวลาผมพูดเรื่องธรรมกับเพื่อนผู้คงแก่เรียน ผมมักถูกมองว่า "ที่คุณเข้าใจ
นั้นคือมิจฉาทิฏฐิ และคุณยังจะชักชวนผู้อื่นเข้าสู่มิจฉาทิฏฐิ" ผมควรหยุดแสดงความ
เห็นใดๆ เพื่อความถูกต้อง หรือควรแสดงความเห็นต่อไปแม้จะถูกบ้างผิดบ้าง หรือ
ทั้งหมดเป็นเพียงมายาที่ทำให้เราติดกับโลก โลกที่ "มีผม และ ผมเป็นไปในมิจฉาทิฏฐิ"
ขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งใด ถูก สิ่งใดผิดนั้น พระธรรมเป็นเครื่องตรวจสอบ ความคิดนั้น ครับ เพราะ
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ดุจตราชั่งที่เที่ยงตรง และ เป็นสัจจะความ
จริง อย่างเช่น ในหลัก มหาปเทส 4 ไม่ว่า ใครจะกล่าวคำใด ก็ตาม แม้จะอ้าง
ว่าเป็นคำของพระพุทธเจ้า ก็ไม่พึงติเตียน หรือ ยอมรับทันที แต่ควรตรวจสอบ
กับพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ว่า ถูกต้องเข้ากันได้ไหม หากเข้ากันได้
ตรงตามความจริง นั่นก็แสดงว่าเป็น คำกล่าวที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฏฐื คือ เป็น
ความเห็นถูก ครับ เพราะฉะนั้น ก็มีพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่อง
ตรวจสอบที่สำคัญที่สุด ครับ
และ อีกนัยหนึ่ง ธรรมเหล่าใด ที่ เป็นไปเพื่อ ติดข้อง เพื่อต้งการ เพื่อเกิดกิเลส
ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด นั่นก็เป็น คำกล่าวที่ไม่ถูกต้อง เป็น
สิ่งที่ผิด แต่ คำใดที่เป็น สิ่งที่ให้เป็นเพื่อละ คลาย เพื่อเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม และ ปัญญา คำกล่าวนั้นก็เป็นพระธรรมที่ถูกต้อง
ตรงตามความเป็นจริง เป็น สัมมาทิฏฐิ ครับ
และ อีกนัยหนึ่ง คำใดที่ แสดงถึงความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ที่ให้
เข้าใจถูก ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน นั่นก็เป็พระธรรม
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่เ็ป็นสัมมาทิฏฐิ แต่ คำใดที่แสดงถึง ว่า มีเรา มีสัตว์
บุคคล มีการพยายามด้วยความเป็นเรา ลืมควาเมป็นอนัตตา หนทาง ข้อปฏิบัติ
คำกล่าวนั้นก็เป็นความเห็นผิด ไม่ใช่ ความเห็นถูก เพราะ ไม่ตรงตามพระธรรม
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ
ดังนั้น การกล่าว สนทนา ก็ควร จะละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง และ ควรกล่าวใน
สิ่งที่ถูก และก็ต้องเป็นบุคคลที่พร้อมจะรับฟัง และ สนทนาด้วย เพราะ ไม่เช่นนั้น
คำกล่าวงที่ถูก ก็ไม่มีความหมายกับ คนที่คิดจะโต้แย้ง และ ไม่พร้อมจะรับฟัง ครับ
อย่างไรก็ดี ก็ขอให้เริ่มจาก ความเข้าใจของตนเองเป็นสำคัญ ให้มั่นคงก่อน โดย
การอ่าน ศึกษาพระธรรม และ ตรวจสอบกับพระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณมากครับ ผมจะตั้งใจศึกษาพระธรรมด้วยความตรง และรอบคอบ จะไม่แสดงความคิดเห็นกับผู้ที่ไม่พร้อมจะรับฟัง ขอให้ความพยายามนี้ไม่สูญเปล่าด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ความเห็นผิด หรือ มิจฉาทิฏฐิ นั้น มีโทษมากอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีความเห็นผิดแล้ว ย่อมทำให้การกระทำทางกาย การกระทำทางวาจา และการกระทำทางใจ ก็ผิดไปทั้งหมด และถ้าเป็นความเห็นผิดที่มีกำลังเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิดที่ดิ่ง) แล้ว ไม่สามารถจะแก้ไขได้เลย มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้าแน่นอน ยากที่จะพ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ได้ ความเห็นผิด ตรงกันข้ามกับความเห็นถูกอย่างสิ้นเชิง ความเห็นถูก จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ามีความเห็นถูก กาย วาจา ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ถูกด้วย ก็จะเป็นหนทางนำไปสู่สุคติ คือ มนุษย์ภูมิและสวรรค์ และสามารถทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นได้ แต่ถ้ามีความเห็นผิด กาย วาจา และ ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ผิด ผลที่จะเกิดขึ้น คือ เป็นเหตุให้เข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ซึ่งน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง, ความเห็นถูก จะค่อยๆ เจริญขึ้นได้ ก็เพราะอาศัยการศึกษาการฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง บ่อยๆ เนืองๆ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ด้วยความละเอียดรอบคอบ พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม ด้วยความจริงใจ ด้วยครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนา
เราต้องศึกษาจากพระไตรปิฎกและสอบถามจากผู้รู้
พระไตรปิฏกกก็มีแสดงไว้แล้วว่าปัจจังตัง รู้ได้เฉพาะตน
คือ ผู้ที่ศึกษาธรรมและเข้าใจจึงจะรู้ ค่ะ