เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน
"จิตเป็นปัจจัยให้เกิดรูปที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน" พจนาท่านอาจารย์ในแนวทางเจริญวิปัสสนาตอนเที่ยงวันที่ 13 พ.ย. 57 ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้คำอธิบายประโยคนี้ด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
รูป เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย รูปมีทั้งหมด ๒๘ รูป ซึ่งใน ๒๘ รูป ก็มีการแบ่งรูป มีการแบ่งในลักษณะต่างๆ ซึ่งบางครั้ง แบ่งรูป ๒๘ รูป ในลักษณะที่เป็น มีลักษณะ กับไม่มีลักษณะ คือ สภาวะรูป กับอสภาวะรูป แต่ทั้งสองนี้ก็อยู่ในรูป ๒๘ ไม่พ้นจากรูปทั้ง ๒๘ รูป บางครั้งก็แบ่ง รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธาน กับรูปที่ไม่เป็นใหญ่ ต้องอาศัยที่เกิด ที่เรียกว่า มหาภูตรูป กับ อุปทายรูป ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็ไม่พ้นจาก รูป ๒๘ ครับ
โดยนัยเดียวกัน บางครั้งก็แบ่ง รูป เป็น ตามธรรมที่ทำให้เกิดรูปที่เรียกว่า สมุฏฐานของรูป เพราะรูป จะต้องมีธรรมที่เป็นที่ตั้ง หรือ เป็นเหตุให้เกิดรูปแต่ละรูปครับ บางรูปก็เกิดจากสมุฏฐานนี้ บางรูปก็เกิดจากสมุฏฐานนี้แตกต่างกันไป จึงแบ่งรูป ๒๘ รูป เกิดจากสมุฏฐาน ที่ทำให้รูปเกิด ๔ สมุฏฐาน คือ กรรม จิต อุตุ อาหาร
รูปที่เกิดจากกรรม เรียกว่า กัมมัชรูป รูปที่เกิดจากจิตก็เรียกว่า จิตตชรูป รูปที่เกิดจากอุตุ เรียกว่า อุตุชรูป รูปที่เกิดจากอาหาร เรียกว่า อาหารชรูปซึ่ง ธรรมที่เป็นเหตุให้เกิด กัมมชรูป คือ รูปที่เกิดจากกรรม หมายถึง รูป ๑๘ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ ปสาทรูป ๕ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ ปริจเฉทรูป ๑ อาหารชรูป คือ รูปที่เกิดจากโอชา หมายถึง กลุ่มของรูปที่เกิดจากอาหารรูป (โอชา) คือเมื่อรับประทานอาหารที่เป็นคำๆ (กพฬิงการาหาร) เข้าไปในร่างกายแล้ว โอชารูปในอาหารที่เป็นคำๆ นั้น จะเป็นปัจจัยให้เกิดกลุ่มของรูปใหม่ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง รูปที่เกิดจากอาหาร (อาหารชรูป) มี ๑๒ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ วิการรูป ๓ ปริจเฉทรูป ๑
ส่วนคำถาม ที่ว่า รูปที่เกิดจาก จิต และ อตุ เป็นสมุฏฐาน คือ อย่างไร
จิตตชรูป คือ รูปที่เกิดจากจิต หมายถึง รูป ๑๕ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ วิการรูป ๓ วิญญัติรูป ๒ สัททรูป ๑ ปริจเฉทรูป ๑ ซึ่งเกิดจากจิตเป็นปัจจัย จิตที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้มี ๗๕ ดวงเท่านั้น เว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ อรูปวิบาก ๔ (จิตที่ทำกิจปฏิสนธิ ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตชรูป เพราะจิตในขณะปฏิสนธิกาลมีกำลังอ่อน จุติจิตของพระอรหันต์ก็ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตชรูป เพราะเป็นความสิ้นสุดของสังสารวัฏฏ์ หมดความสืบต่อของนามและรูปทั้งปวง) ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ มีเสียง พูดออกมา เสียง ที่เป็นรูป ก็มีเหตุมาจากจิตที่มีความต้องการที่จะพูด จึงพูดออกมา เพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจกัน ครับ
อุตุชรูป คือ รูปที่เกิดจากอุตุ (ความเย็น ความร้อน) และอุตุชรูปนี้เกิดได้ทั้งภายในและภายนอก สำหรับภายในสัตว์ เกิดขึ้นได้ทุกๆ ขณะของจิต นับตั้งแต่ฐีติขณะของปฏิสนธิ เป็นต้นมา จิตเกิดขึ้น ๑ ขณะ จะมีอนุขณะ ๓ คือ อุปาทขณะ ฐีติขณะภังคขณะ อุตุชรูป ๑๓ อุตุชรูป คือรูปที่เกิดจากอุตุ
และรูปที่เกิดจากอุตุมี ๑๓ คือ อวินิพโภครูป ๘ (มหาภูตรูป ๔ วัณณรูป ๑ คันธรูป ๑ รสรูป ๑ โอชา ๑) ปริจเฉทรูป ๑ วิการรูป ๓ (ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป) สัททรูป ๑ ยกตัวอย่างเช่น ต้นไม้ ภูเขา เหล่านี้ ก็เกิดจากปัจจัย คือ อุตุ ความเย็น ความร้อน อากาศให้เป็นไป ทำให้เกิดรูปขึ้น ที่เป็น สมมติบัญญัติว่าเป็นภูเขา ต้นไม้ ครับ
การศึกษาพระอภิธรรม โดยเฉพาะเรื่องรูปธรรม ก็เพื่อให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่า เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา แต่เป็นเพียงรูปธรรม และ นามธรรม ที่เกิดขึ้นและดับไป การเข้าใจเช่นนี้ ย่อมละกิเลส ละคลายความเห็นผิดว่า เป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคลได้ในที่สุด ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพื่อความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ขออนุญาตนำคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ ๑๔๔๘ มาประกอบ ดังนี้
"ตามหลักของสภาพธรรมตามความเป็นจริงที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ก็คือว่าสภาพธรรมใดก็ตามที่จะเกิดมีขึ้นได้ ต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่าง เพราะฉะนั้น แม้รูปจะเห็นได้ว่า อย่างรูปที่เกิดขึ้นเพราะอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ นั้น ข้อความใน อรรถสาลินีมีว่า
จิตเป็นปัจจัยให้เกิดรูปที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน
ไม่ใช่ว่ารูปนั้นจะเกิดโดยที่ไม่มีอะไรเป็นสมุฏฐาน ใช่ไหมคะ แต่รูปแต่ละกลุ่มที่จะเกิดขึ้นได้ ต้องรู้ว่ารูปนั้นเกิดขึ้นเพราะจิต หรือรูปนั้นเกิดขึ้นเพราะกรรม หรือรูปนั้นเกิดขึ้นเพราะอาหาร หรือรูปนั้นเกิดขึ้นเพราะอุตุ สำหรับกัมมชรูปของแต่ละคน สุดปัญญาที่ใครจะไปทำให้เกิดขึ้นได้ ถึงแม้จักขุปสาทรูปที่ว่าจะเปลี่ยนจักขุปสาทหรืออะไรก็ตามแต่ ไม่ใช่รูปที่เกิดจากกรรมทั้งสิ้น เพราะเหตุว่ารูปที่เกิดจากกรรมต้องมีกรรมเท่านั้นเป็นปัจจัย
เพราะฉะนั้น สำหรับรูปที่เกิดจากอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ เป็นสุทธัฏฐกรูปที่เกิดขึ้นแต่จิต สุทธัฏฐกรูป ได้แก่ อวินิพโภครูป ๘ รูปล้วนๆ ไม่มีรูปอื่นเกิดร่วมด้วยเลยจึงชื่อว่า สุทธัฏฐกรูป หรือสุทธัฏฐกกลาป
สำหรับรูปที่เกิดจากอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์เป็นสุทธัฏฐกรูปที่เกิดขึ้นแต่จิต รูปที่มาดังนี้ว่า แสดงเป็นช้างบ้าง แสดงนะคะ ไม่ใช่สร้างช้างขึ้นมาจริงๆ ให้มีกัมมชรูปเกิดขึ้น แสดงเป็นม้าบ้าง แสดงเป็นรถบ้าง แสดงจัดกระบวนทัพต่างๆ บ้างในอากาศ ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงเป็นรูปที่เกิดจากอุตุทั้งนั้นเลย แต่ว่าอุตุที่ทำให้เกิดรูปนั้นมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เกิด เพราะอาศัยอิทธิ คือ ฌานจิต เพราะฉะนั้น รูปนั้นชื่อว่า จิตปัจจยอุตุสมุฏฐานัง จิตเป็นปัจจัยให้เกิดรูปที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน เพราะเหตุว่าช้าง ม้าหล่านั้น หรือกระบวนต่างๆ เหล่านั้นจะเกิดไม่ได้เลย ถ้าจิตไม่เป็นปัจจัยให้รูปที่เกิดจากอุตุนั้นเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้น เรื่องรูปเป็นเรื่องที่ละเอียดในชีวิตประจำวัน แม้แต่อุตุเองก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดรูปที่มีอุตุเป็นสมุฏฐานได้ เช่น เมฆ ชื่อว่ามีอุตุเป็นสมุฏฐาน สายฝน ชื่อว่ามีอุตุเป็นปัจจัย แต่เมื่อฝนตกแล้วพืชงอกงาม แผ่นดินส่งกลิ่น ภูเขาปรากฏเป็นสีเขียว ทะเลน้ำขึ้น นี้ก็ชื่อว่า อุตุปัจจยอุตุสมุฏฐาน คือ อุตุเป็นปัจจัยให้เกิดรูปที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน"
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
รูปที่เกิดจากอิทธิปาฏิหาริย์ของจิต เป็นรูปที่เกิดจากอุตุเป็นสมุฏฐาน มีเพียงอวินิโพครูป ๘ เท่านั้น
สาธุขออนุโมทนาคะ
ขอบคุณและขออนุโมทนา
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
พระธรรมของพระศาสดาละเอียดลึกซึ้งและไพเราะยิ่งครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ