การเกิดมาเป็นมนุษย์
โดย พร้อมเสมอ  21 ก.ค. 2554
หัวข้อหมายเลข 18787

ทราบมาว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยากและต้องรักษาศีลห้าครบสมบูรณ์ จึงจะเป็นปัจจัยให้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่มีข้อสงสัยว่า ก่อนที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ต้องรักษาศีลห้าให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ตลอดทั้งชีวิตในหนึ่งชาติเมื่อเกิดในภพภูมิใดภพภูมิหนึ่งตั้งแต่ภพมนุษย์ขึ้นไปนั้น ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่ค่ะ ขอความกรุณาท่านอาจารย์กรุณาไขข้อข้องใจให้ทราบด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณอย่างสูง ล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 21 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การเกิดในสุคติภูมิ คือ ภพภูมิที่ดี มีมนุษย์ เทวดาและพรหม ต้องเป็นผลของกุศล กรรมที่ทำมา ดังนั้นกุศลกรรมเท่านั้นที่ทำให้เกิดในภพภูมิที่ดี สำหรับการได้เกิด เป็นมนุษย์ก็ต้องเป็นผลของกุศลกรรมใด กุศลกรรมหนึ่ง แต่ควรเข้าใจถูกต้องครับว่า ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นผลของกุศลกรรมขั้นศีลเท่านั้นที่จะทำให้เกิดเป็นมนุษย์ แม้กุศลกรรมประเภทอื่นๆ ก็สามารถเกิดในภพภูมิมนุษย์ได้ครับ เช่น กุศลขั้นทาน กุศลขั้นการเจริญภาวนาที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน หรือ กุศลจั้นสมถภาวนาที่ไม่ถึงกับ ได้ฌาน และกุศลกรรมในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ก็สามารถนำเกิดเป็นมนุษย์ได้ครับ

แม้แต่กุศลกรรมที่มีกำลังอ่อนมากๆ แต่ก็เป็นกุศล ก็สามารถให้ผลนำเกิดเป็นมนุษย์ได้ แต่กุศลกรรมก็มีกำลังและความประณีตของกุศลแตกต่างกันไป ทำให้ไปเกิดเป็น เทวดาบ้าง ไปเกิดในพรหมโลกบ้าง หรือไปเกิดในภพภูมิมนุษย์ก็ได้ครับ และแม้เกิดใน ภพภูมิมนุษย์แล้ว ก็มีความแตกต่างของรูปร่าง หน้าตาต่างๆ เพราะกุศลกรรมที่ให้ผลแต่ ละคน วิจิตรหลากหลายแตกต่างกันไปตามกรรมที่เป็นกุศลกรรมให้ผลที่แตกต่างกันไป ตามกรรมนั่นเอง ครับ

ดังนั้น จึงไมได้จำเพาะเจาะจงลงไปครับว่า การจะเกิดเป็นมนุษย์จะต้องเป็นผลของ การรักษาศีล ๕ สมบูรณ์ เพราะบุคคลที่จะรักษาศีล ๕ สมบูรณ์ ไม่ล่วงศีลเลย คือ พระโสดาบันดังนั้น ปุถุชนก็ย่อมมีการล่วงศีล ๕ ได้บ้างเป็นธรรมดาเมื่อมีเหตุปัจจัย แต่ ในชีวิตประจำวันก็ทำกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งกุศลขั้นทาน ศีลและภาวนา กุศลเหล่านั้นที่ไม่ใช่เพียงแค่กุศลขั้นศีล เมื่อให้ผลก็สามารถนำปฎิสนธิ คือ นำเกิดใน ภพภูมิที่เป็นสุคติภูมิได้ รวมทั้งเกิดในมนุษย์ได้ด้วย ดังนั้น บุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการ คือ กุศลทุกๆ ประการ ที่ไม่ใช่กุศลที่เป็นระดับสูงที่เป็นฌาน ก็สามารถให้ผลนำ เกิดในภพภูมิมนุษยได้ครับ


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 21 ก.ค. 2554

สรุป คือ ไม่จำเป็นจะต้องรักษาศีล ๕ ให้สมบูรณ์จึงจะไปเกิดในภพภูมิมนุษย์ได้ และ กุศลขั้นทาน ศีลและภาวนา กุศลทุกๆ ประการที่ไม่ใช่ขั้นฌานและโลกกุตตรกุศล กุศล แทบทุกประการสามารถนำเกิดปฏิสนธิเป็นมนุษย์ได้ แม้ชาติก่อนจะไม่ได้รักษาศีล ๕ สมบูรณ์ เพราะว่า กุศลใด กุศลหนึ่งในชาติก่อนให้ผลนั่นเองครับทำให้สามารถเกิดในภพภูมิมนุษย์ได้ ครับ

ที่สำคัญ เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เพราะผลของกุศล ซึ่งเป็นเรื่องยากแสนยากที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์เพราะเราทำอกุศลกรรมมากว่ากุศลกรรมมากมาย ดังนั้น จึงมีเหตุปัจจัยให้ไปอบายภูมิมากกว่าสุคติภูมิมาก แต่ชาติใดที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ก็นับว่าโชคดีแล้ว เพราะผลของกุศลกรรมใด กุศลกรรมหนึ่งให้ผล เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ และได้พบพระ ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็เป็นผู้ไม่ประมาท ละเลยโอกาสที่จะฟังพระธรรม และ ศึกษาพระธรรม และอบรมปัญญา พร้อมๆ กับเจริญกุศลทุกๆ ประการ เพราะอบายภูมิไม่ สามารถอบรมปัญญาได้เลยครับ อย่าปล่อยขณะที่ประเสริฐล่วงเลยไป และเมื่อชาตินี้ สว่างมาคือได้เกิดเป็นมนุษย์ที่ไม่บ้า ใบ้ บอดหนวกและได้พบพระธรรมก็ควรเจริญกุศล และอบรมปัญญาเพื่อภพภูมิข้างหน้าจะได้เป็นผู้สว่างไป คือ เกิดในภพภูมิที่ดีและได้มี โอกาสเจริญกุศลและอบรมปัญญาอีกครั้ง ที่สำคัญชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์ สำคัญที่ สุดคือ ศึกษาพระธรรมอบรมปัญญา

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 21 ก.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ได้แสนยาก เพราะจะต้องได้ด้วยผลของกุศล ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นผลของกุศลประเภทใด ขึ้นอยู่กับว่ากุศลประเภทใดจะให้ผล [ซึ่งต้องไม่ใช่ผลของฌานขั้นต่างๆ อย่างแน่นอน เพราะผลของฌานขั้นต่างๆ ทำให้เกิดในพรหมโลก ตามระดับขั้นของฌาน] ถ้าเทียบกันระหว่างสุคติภูมิ กับ อบายภูมิแล้ว การไปเกิดในอบายภูมิ ไปได้ง่ายกว่าสุคติภูมิจริงๆ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเปรียบเทียบไว้ด้วยข้ออุปมาฝุ่นที่ปลายพระนขา (เล็บ) ที่พระองค์ทรงช้อนขึ้นมา กับ ผืนแผ่นดิน ว่า ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อยเหมือนกับฝุ่นที่อยู่ปลายพระนขาของพระองค์ ส่วน ผู้ที่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีมาก เหมือนกับผืนแผ่นดิน ซึ่งควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็จะเป็นผู้ไม่รู้ต่อไป ไม่คุ้มค่าเลยกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งได้ยากแสนยากแต่ไม่ได้สะสมปัญญา ก็จะทำให้ตายไปพร้อมกับความไม่รู้ และจะไม่รู้อีกต่อไปนานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ ยากที่จะพ้นไปได้ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ ได้สะสมความดี และ สะสมปัญญา ย่อมเป็นชีวิตที่คุ้มค่า คุ้มค่าแล้วกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีอวัยวะครบถ้วน [พร้อมที่จะรองรับพระธรรม] และได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังพระธรรมซึ่งหาฟังได้ยากเป็นอย่างยิ่งจากบุคคลผู้มีปัญญา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ ก็ควรที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรม คือ นามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ต่อไป เวลาของแต่ละบุคคล เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ถ้าไม่เริ่มฟัง ไม่เริ่มศึกษาตั้งแต่ในขณะนี้ การที่จะฟัง การที่จะศึกษาในขณะต่อๆ ไป ก็จะมีไม่ได้ เริ่มต้นตั้งแต่ในขณะนี้ เป็นการดีอย่างยิ่ง ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 4    โดย nong  วันที่ 21 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย pat_jesty  วันที่ 21 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 6    โดย Jans  วันที่ 24 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 7    โดย SOAMUSA  วันที่ 27 ก.ค. 2554

กราบอนุโมทนาอาจารย์ค่ะ ดิฉันเห็นด้วยทุกประการค่ะ แต่ขอคำอธิบาย คำถามทำนองนี้ด้วยค่ะ ดิฉันขอถามแบบเชิงคณิตศาสตร์ค่ะ ประชากรทั่วโลกมีประมาณเป็น 10000 ล้านคน เมื่อก่อนมีคนบนโลกน้อยกว่า นี้นัก เช่นเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ มีแค่ 7000 ล้านคน ถามว่าอีก 3000 ล้านคนมาจากไหนค่ะ ถ้าว่า มนุษย์เกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก สัตว์มาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก เทวดามาเกิดเป็นมนุษย์นั้นก็ยาก สัตว์นรกมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นก็ยาก ทำไมประชากรโลกเพิ่มขึ้นโดย ไม่หยุดยั้งค่ะ ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คะ ไม่ได้มีเจตนากวนนะค่ะ ดิฉันเชื่อค่ะ แต่อยากฟังคำอธิบายค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย paderm  วันที่ 27 ก.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 7 ครับ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมถูกต้องตามความเป็นจริงไม่เปลี่ยนครับ แม้แต่เรื่องที่ว่า สัตว์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดามีจำนวนน้อย ดังในพระไตรปิฎกที่ว่า

นขสิขสูตร
ว่าด้วยสัตว์ที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อยเหมือนฝุ่นติดปลายเล็บ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม แก่ภิกษุทั้งหลาย ว่าด้วยการเกิดเป็นมนุษย์ กับ การเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เปรียบเทียบไว้ด้วยข้ออุปมาฝุ่นที่ปลายพระนขา (เล็บ) ที่พระองค์ทรงช้อนขึ้นมา ซึ่งมีเพียงเล็กน้อย กับ ฝุ่นที่ผืนแผ่นดิน ว่า ผู้ที่เกิดเป็น มนุษย์ มีเป็นส่วนน้อย เหมือนกับฝุ่นที่อยู่ปลายพระนขาของพระองค์ ส่วน ผู้ที่ไปเกิด เป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีมาก เหมือนกับฝุ่นที่ผืนแผ่นดิน


จะเห็นว่า พระองค์อุปมาเปรียบเทียบกับสัตว์โลกทั้งหมด ซึ่งจำนวนสัตว์โลก ทั้งหมด ไม่ใช่มีแค่พันล้าน แสนล้าน ล้านๆ ๆ แต่นับประมาณไม่ได้ ดังนั้นในจำนวน ของสัตว์โลกที่นับประมาณไมได้ ล้านๆ ๆ ๆ ๆ ๆ (เปรียบเหมือนแผ่นดิน นขสิขสูตร) สัตว์ที่ จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์เพียงไม่กี่พันล้าน ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับจำนวนสัตว์โลก ที่มีอยู่ที่หาประมาณไม่ได้ แค่มด จอมปลวกรังเดียวก็อาจมากกว่ามนุษย์ทั้งหมดในโลกนี้ แล้วครับ และสัตว์ในโลกนี้มีมากเท่าไหร่ จักรวาลอื่นๆ อีกครับและจักรวาลก็นับประมาณ ไม่ได้ สัตว์โลกจึงเหลือจะคณานับ นับไมไ่ด้ครับ ดังนั้น จำนวน ไม่กี่พันล้าน ก็เหมือน กับฝุ่นที่ปลายเล็บเท่านั้น ที่สัตว์จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ หากเทียบกับจำนวนของสัตว์ โลกที่หาประมาณไม่ได้ นับไม่ได้ เปรียบเหมือนแผ่นดินนั่นเอง ดังนั้น จึงมีจำนวน น้อยมาก ไม่กี่พันล้าน หากเทียบกับสัตว์ที่มีทั้งหมดที่นับประมาณไม่ได้ หวังว่าคง เข้าใจขึ้น ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 9    โดย SOAMUSA  วันที่ 27 ก.ค. 2554

กราบอนุโมทนาอาจารย์ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

เข้าใจแล้วค่ะ มนุษย์ที่ตายไปจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกนั้นน้อย ภพภูมิอื่นก็มาเกิดเป็นมนุษย์ได้น้อย แม้ว่าเราจะเห็นว่ามนุษย์มีมากขึ้น จากเดิมมากก็จริง แต่ก็ยังเหมือนกับฝุ่นที่อยู่ปลายพระนขาของพระองค์ เพราะสัตว์ทั้งหมดที่มีอยู่มีมากมายนับประมาณไม่ได้ดุจแผ่นดิน


ความคิดเห็น 10    โดย jadesri  วันที่ 30 ก.ค. 2554
สาธุ

ความคิดเห็น 11    โดย SOAMUSA  วันที่ 31 ก.ค. 2554

การที่มนุษย์จะเกิดเป็นมนุษย์นั้น ความเป็นไปได้ เกือบจะเป็นศูนย์ หรือติดลยด้วยซ้ำ ผู้ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกนั้นต้องทำ กรรมหนักหมายถึง มหากุศล ทานศีลและภาวนา ที่เต็มกำลังให้ผลเป็นชนกกรรม ในการเกิดชาติต่อไปนั้น จะได้รับวิปากจากการเกิดในชาติปัจจุบันเป็นหลัก

สัตว์ในทุำคติภูมิ มีนรกเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ก็มาเกิดได้น้อย สัตว์ที่เกิดมาทำกุศลแทบไม่ได้เลย แล้วจะเอา มหากุศลที่ไหนในชาติที่เป็นสัตว์อยู่นั้นมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติต่อไปละค่ะ ในเมื่อ กรรมชาติปัจจุบันจะส่งผลชาติต่อไปเป็นหลักค่ะ ขอความกรุณาอธิบายด้วยค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย i17bkk  วันที่ 18 ส.ค. 2555

ถ้าเราเกิดเป็นเทวดาชั้นต้น (จาตุมหาราชิกา) ทำอย่างไรถึงจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครับ และสำหรับผู้ที่เป็นมนุษย์แล้วทำกรรมฐานได้ฌานแล้ว ถ้าต้องการเกิดเป็นมนุษย์ต้องทำอย่างไรครับ ต้องทำให้ฌานเสื่อมใช่ไหมครับ


ความคิดเห็น 13    โดย paderm  วันที่ 26 ส.ค. 2555

เรียน ความเห็นที่ 12 ครับ

แล้วแต่เหตุปัจจัยครับ เพียงแต่ว่าจะต้องเป็นกุศลกรรมให้ผล ที่ไม่ใช่ขั้นฌาน แต่ไม่มีใครสามารถบังคับให้ผลของกรรมอะไรให้ผลได้ จึงเป็นอนัตตา ครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 14    โดย chatchai.k  วันที่ 6 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ