วิบาก
โดย ผู้มาใหม่  31 พ.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 47799

1..วิบาก (ทั้งกุศลวิบากและอกุศลวิบาก) ทาง ตา หู จมูก ลิ้น เป็นอุเบกขา ส่วนทางกายเป็นลุขหรือทุกข์ คำถามคือ เมื่อทานอาหารแล้วรู้สึกว่าอร่อยหรือไม่อร่อย ความรู้สึกอร่อยหรือไม่อร่อย นี้ยังเป็นอุเบกขาเวทนาที่เกิดพร้อมชิวหาวิญญาณจิต หรือเป็นความชอบใจไม่ชอบใจที่ปรุงแต่งต่อในชวนจิตครับ

2..ผู้ที่สูญเสียทรัพย์โดยถูกโกง ทำให้โทมนัส หรือทุกข์ใจ เป็นวิบากหรือไม่ครับ เพราะดูจะไม่ได้เกิดทางทวาร 5 แต่เกิดทางใจ

ขอบพระคุณมากครับ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 2 มิ.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นตามประเด็นคำถาม ดังนี้
1..วิบาก (ทั้งกุศลวิบากและอกุศลวิบาก) ทาง ตา หู จมูก ลิ้น เป็นอุเบกขา ส่วนทางกายเป็นลุขหรือทุกข์ คำถามคือ เมื่อทานอาหารแล้วรู้สึกว่าอร่อยหรือไม่อร่อย ความรู้สึกอร่อยหรือไม่อร่อย นี้ยังเป็นอุเบกขาเวทนาที่เกิดพร้อมชิวหาวิญญาณจิต หรือเป็นความชอบใจไม่ชอบใจที่ปรุงแต่งต่อในชวนจิตครับ
การที่จะได้รับสิ่งที่น่าปรารถนาหรือไม่น่าปรารถนานานั้น เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็หวั่นไหวไปด้วยความติดข้องบ้าง ด้วยความไม่พอใจบ้าง แต่สำหรับพระอรหันต์แล้ว ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะประสบกับสิ่งใดก็ตาม
ขณะที่ลิ้มรส ไม่ว่าจะเป็นรสที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ หรือ เป็นรสที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ นั้น เป็นชิวหาวิญญาณ จิตที่เกิดขึ้นทำกิจรู้แจ้งรสที่กำลังปรากฏทางลิ้น เวทนาที่เกิดร่วมด้วยก็เป็นอุเบกขาเวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา (ไม่สุขไม่ทุกข์ คือ เฉยๆ) เท่านั้น ขณะที่ลิ้มรส เป็นขณะที่รับรู้รสเท่านั้น ยังไม่ได้รู้เลยว่าอร่อยหรือไม่อร่อยหรือเป็นรสของอาหารชนิดไหน ส่วนที่คิดว่าอร่อยหรือไม่อร่อยนั้น เป็นขณะที่คิดนึก ซึ่งก็ต้องเป็นในขณะที่เป็นชวนะนั่นเอง แต่ความละเอียดของธรรม มีมาก ในขณะนั้นอาจจะเป็นความติดข้องยินดีพอใจ หรือ ไม่พอใจ หรือ มีความเข้าใจตามความเป็นจริง ก็ได้ ตามการสะสมของแต่ละคน หรือ ถ้าเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ไม่มีความหวั่นไหวไปด้วยอกุศลใดๆ เลย ไม่ว่าจะได้รับอารมณ์ประเภทใดก็ตาม ครับ


2..ผู้ที่สูญเสียทรัพย์โดยถูกโกง ทำให้โทมนัส หรือทุกข์ใจ เป็นวิบากหรือไม่ครับ เพราะดูจะไม่ได้เกิดทางทวาร 5 แต่เกิดทางใจ
ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง การที่ทรัพย์สินเสียหายหรือถูกโกง ก็ต้องมาจากเหตุที่ได้กระทำแล้วในอดีต เป็นผลของอกุศลกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผลมาจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ (อทินนาทาน) ตามข้อความใน สัพพลหุสสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๔๙๕ ดังนี้

"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อทินนาทานอันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย วิบากแห่งอทินนาทาน อย่างเบาที่สุด ย่อมยังความพินาศแห่งโภคะให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์"

แต่ความทุกข์ใจหรือเสียใจ นั้น ไม่ใช่วิบากแล้ว แต่เป็นอกุศลธรรม เพราะเหตุว่าความรู้สึกทุกข์ใจหรือโทมนัส นั้น เป็นโทมนัสเวทนาที่เกิดกับอกุศลจิตประเภทที่มีโทสะเป็นมูล (โทสมูลจิต) ครับ


... ยินดีในกุศลของท่านผู้มาใหม่และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...


ความคิดเห็น 2    โดย ผู้มาใหม่  วันที่ 2 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ