ข้อความที่กล่าวว่า "ความจริง ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ แต่ไม่มีใครๆ ถึงทุกข์, กิริยาคือการทำมีอยู่ แต่ผู้ทำไม่มี, ความดับมีอยู่ แต่คนดับ ไม่มี, ทางมีอยู่ แต่ผู้เดินไม่มี" หมายถึงอะไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น คำที่คุณ miran ได้ยกมานั้น มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทา-มรรค ข้อความดังกล่าว แสดงถึงความจริงของสภาพธรรม เพราะเหตุว่า สิ่งที่มีจริงทุกอย่างเป็นธรรม เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริง ๔ อย่าง คือจิต เจตสิก รูป และ พระนิพพาน สิ่งที่มีจริง ๔ อย่างเหล่านี้ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่ว่างเปล่า (สูญ) จากความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน อย่างแท้จริง เพราะสัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มีมีแต่ธรรม เท่านั้น ครับ ขอเชิญคลิกอ่านข้อความดังกล่าว ได้ที่นี่ ครับ ธรรม เป็นของสูญ [ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค] ประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม คือ เข้าใจความจริง ศึกษาเพื่อละ กล่าวคือ ละตั้งแต่ต้น ละคลายความไม่รู้ และ ละความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพ-ธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
"ความจริงทุกข์เท่านั้นมีอยู่ แต่ไม่มีใครๆ ถึงทุกข์,
กิริยาคือการทำมีอยู่ แต่ผู้ทำไม่มี,
ความดับมีอยู่ แต่คนดับไม่มี,
ทางมีอยู่ แต่ผู้เดินไม่มี"
เป็นพระคาถาที่ไพเราะลึกซึ้งมากค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จากบทที่ท่านยกมานั้นเป็นการแสดงถึง ความจริงที่เป็นอริยสัจ 4 ว่าเป็นของว่าง
เปล่า สูญ จากความเป็นสัตว์ บุคคล เพราะมีแต่ธรรม ไม่มีใครครับ
ความจริง ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ แต่ไม่มีใครๆ ถึงทุกข์, กิริยาคือการทำมีอยู่ แต่ผู้ทำ
ไม่มี, ความดับมีอยู่ แต่คนดับ ไม่มี, ทางมีอยู่ แต่ผู้เดินไม่มี
----------------------------------------------------------------------------
ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ ทุกข์ในที่นี้ หมายถึง สภาพธรรมทีเกิดขั้นและดับไปที่เป็นสังขาร
ธรรมคือ จิต เจตสิก รูป ดังนั้นจึงไม่มีใคร ไม่มีเราที่มีอยู่ ไม่มีสัตว์ บุคคลที่มีอยู่ แต่มี
เพียง จิต เจตสิก รูป และไม่มีใครทุกข์ คือ ไม่มีใครได้รับทุกข์ เพราะในความเป็นจริง
ทุกขกายวิญญานจิต คือ จิตที่รู้กระทบสัมผัสทางกายที่ไม่ดีเกิดขึ้น ไม่มีเราที่ได้รับ
ทุกข์ และแม้ความทุกข์ใจ ก็ไม่มีเรา ไม่มีใครที่ทุกข์ เพราะเป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็น
โทมนัสเวทนาที่เกิดขึ้นครับ
กิริยาการทำมีอยู่ แต่ผู้ทำไม่มี หมายถึง การกระทำกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมมีอยู่
ซึ่งเป็นจิตที่เป็นกุศล หรือ อกุศลเกิดทำหน้าที่ครับ จึงเป็นกิริยาการทำมีอยู่ แต่เมื่อเป็น
จิตที่เป็นกุศล อกุศลเกิด ผู้ทำจึงไม่มี เพราะไม่มีสัตว์ บุคคลทำนั่นเองครับ
ความดับมีอยู่ แต่คนดับไม่มี หมายถึง ความดับ คือ พระนิพพาน มีอยู่ แต่ไม่มีสัตว์
บุคคลที่ดับ เมื่อถึงพระนิพพานดับ จิต เจตสิก รูป ไม่ได้ดับความเป็นสัตว์ บุคคลนั่นเอง
ทางมีอยู่ แต่ผู้เดินไม่มี หมายถึง ทางคือ อริยมรรคมีองค์ 8 ที่จะทำให้ถึงการดับทุกข์
ดับกิเลสได้ มีอยู่ แต่ผู้เดิน คือ สัตว์ บุคคลที่จะปฏิบัติไม่มี ไม่มีเราทำอริยมรรค แต่เมื่อมี
การอบรมปัญญา จากการฟังพระธรรม ปัญญาเกิด รู้ความจริงในขณะนี้ ที่เป็นอริยมรรค
ขณะนั้นเป็นสภาพธรรมที่เป็นสติและปัญญาเกทำหน้าที่ ไม่มีเราที่ทำ ไม่มีเราที่เจริญ
อริยมรรค จึงไม่มีเราเป็นผู้เดิน แต่เป็นสภาพธรรมทีเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ รู้ความจริงที่
เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 ครับ เพราะฉะนั้น คำว่า
ความจริง ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ แต่ไม่มีใครๆ ถึงทุกข์, กิริยาคือการทำมีอยู่ แต่ผู้ทำ
ไม่มี, ความดับมีอยู่ แต่คนดับ ไม่มี, ทางมีอยู่ แต่ผู้เดินไม่มี
จึงเป็นการแสดงถึงความจริงที่เป็นอริยสัจ 4 ว่า มีแต่สภาพธรรมที่ทำหน้าที่ ธรรมเท่า
นั้นที่เป็นทุกข์ ธรรมที่ทำกรรม ไม่มีผู้กระทำกรรม ธรรมเท่านั้นที่ดับ ไม่มีสัตว์ บุคคลดับ
และธรรมเท่านั้นที่ทำหน้าที่เจริญหนทางดับกิเลส ไม่มีเราไม่มีสัตว์บุคคลอบรมปัญญา
ดับกิเลส เดินตามทางครับ ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
ถ้ายังอยากก็ไม่เห็นนิพพาน หมดอยากเมื่ิอไหร่นิพพานก็ปรากฎ ไม่รู้ ใช่อันเดียวกัน "นิพพานมี แต่คนผู้นิพพานหามีไม่" หรือเปล่านะครับ "มีตัณหา ก็มีคน หมนตัณหา คนไม่มี" เอะ ยังไง คิดเอง งงเอง....
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ