ก่อนที่จะมาศึกษาธรรมแบบละเอียด แต่ก่อนก็คิดว่าอยากเป็นอย่างไร ก็ทำบุญอย่างนั้น พอรู้อานิสงส์ผลบุญทีไร ต้องเร่งไปทำบุญนั้นทันใด เพราะ "อยาก" ได้ผลบุญนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังสะสมโลภะไปด้วย จนมาทุกวันนี้ก็ยังแก้อาการนี้ไม่หายอ่านหนังสือบุญกิริยาวัตถุของอาจารย์สุจินต์ แล้วพบข้อบกพร่องในการทำบุญของดิฉันเยอะมาก ธรรมเป็นเรื่องยากจริงๆ ไม่รู้จะขจัดความอยากในอานิสงส์ได้อย่างไร
เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังละโลภะยังไม่ได้ ย่อมมีความหวังเป็นธรรมดา แต่ไม่ใช่เราเป็นเพียงธรรมะอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น การรู้จักโลภะที่ละเอียดต้องอาศัยสติและสัมปชัญญะที่ละเอียดยิ่งขึ้น อีกอย่างหนึ่ง ผู้ที่จะละโลภะอันละได้แสนยากนี้ ผู้นั้นต้องมีปัญญาขั้นอรหัตตมรรคจึงจะละได้ ปัญญาขั้นอื่นไม่สามารถทำอะไรกับโลภะได้เลย
อนุโมทนา
เมื่อมีความเป็นเรา ย่อมหวังเพื่อเรา อวิชชาความไม่รู้ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าไม่ใช่เรา ย่อมปรากฏให้เห็นเสมอในชีวิตตามความเป็นจริงที่ได้สะสมมา หนังสือบารมีฯเป็นการกล่าวถึงการอบรมเจริญกุศลเพื่อละ ละความเป็นเรา ละความไม่รู้ ลองหาอ่านดูค่ะ
กระทู้ของคุณ medulla เป็นจริงอย่างมาก บ่อยครั้งก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า ไหว้พระไม่ขอได้ไหม แต่ก็ขอเป็นปกติ พอมีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยดูต้นเหตุ เรากล่าวโทษคนอื่นไปหมด แม้แต่อารมณ์ของตัวเอง ก็ยังโทษคนอื่นเป็นต้นเหตุ นี่แหละ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับตัวเรา ความเป็นตัวตน ปกปิดความรู้ ความเข้าใจ สภาพธรรมที่กำลังปรากฎแล้วเราก็ถามว่า เมื่อไรจะเข้าใจสภาพธรรม ไม่มีประโยชน์เลย ถ้าเรายังยึดมั่นถือมั่นกับความเป็นเรา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ