ผมเคยอ่านหนังสือพุทธธรรมของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ที่มีเขียนอธิบายไว้เช่นเดียวกันเรื่อง การจุดก้านธูปหนึ่งดอกในเวลากลางคืนแล้วแกว่งแขนให้เร็ว จนเห็นเหมือนว่ามีวงกลม 1 วงอยู่ตรงหน้า แต่แท้จริงแล้ว ไม่มีวงกลมอยู่จริง
แล้วก็มาได้ฟังจากท่านอาจารย์สุจินต์ที่ยกตัวอย่างอุปมาขึ้นมาให้เห็นความมหัศจรรย์เหมือนนักมายากลที่กำลังเล่นกล ยิ่งทำให้เพิ่มความเข้าใจเรื่องความเป็นอนัตตาว่า ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน ไม่มีดอกไม้ ไม่มีแจกัน ไม่มีโต๊ะ ฯลฯ เพราะสิ่งต่างๆ ปรากฏต่อธาตุรู้โดยความเป็นนิมิตของรูปธรรมที่เกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วสุดประมาณ
ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นตัวอย่างอุปมาที่มีที่มาในพระไตรปิฎกหรือในอรรกถา จึงอยากได้แหล่งอ้างอิงเพื่อการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปครับผม กราบขอรบกวนช่วยแนะนำด้วยนะครับผม ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวอุปมาในเรื่องจุดก้านธูปหนึ่งดอกแล้วแกว่งแขนให้เร็วจนเห็นเป็นวงกลมสีแดงนั้น แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา แต่เมื่อเป็นคำที่เกื้อกูลให้เข้าใจความเป็นจริงของธรรม คำนั้น ย่อมไม่ผิด ย่อมไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งจะเห็นได้ว่า เมื่อจุดธูปหนึ่งดอกย่อมเห็นไฟสีแดงเพียงจุดเดียว แต่เมื่อแกว่งก้านธูปนั้นก็ย่อมเห็นเป็นวงกลมขึ้นมา ทั้งๆ ที่เป็นเพียงไฟจุดเดียวเท่านั้น แต่เพราะการสืบต่อหมุนวนของก้านธูป จึงทำให้หลงผิดว่ามีวงกลมสีแดง ฉันใด ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยในขณะนี้ ก็เป็นเช่นนั้น เพราะธรรมเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว จึงทำให้เห็นว่าขณะนี้เหมือนไม่ดับเลย เหมือนเที่ยงยั่งยืนอยู่ตลอด ยังเห็นว่าเที่ยงอยู่ นั่นเป็นเพราะการเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วของธรรมนั่นเอง เพราะฉะนั้น หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาที่เข้าใจธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ จะเป็นไปเพื่อการละคลายการยึดถือธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคลหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ในที่สุด ครับ
... ยินดีในกุศลของคุณ narongdej และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...
ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์คำปั่นอย่างสูงยิ่งครับที่กรุณาชี้แนะลูกศิษย์คนนี้มาโดยตลอด
ยินดีในกุศลจิตครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ