ข้อความธรรมสั้นๆ ที่ควรเก็บไว้ในหทัย
โดย khampan.a  15 ก.ค. 2566
หัวข้อหมายเลข 46268

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


เก็บไว้ในหทัย
(บันทึกจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์)

-สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงๆ แต่ไม่รู้ จึงหลงผิดยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด
-ชีวิตก็เพียง ๑ ขณะ จะไม่มี ๒ - ๓ ขณะพร้อมกัน
-สะสมความไม่รู้มามาก เพราะฉะนั้น จึงขาดการฟังพระธรรมไม่ได้
-ธรรม เป็น ธรรม ธรรมฝ่ายดี จะให้ผลไม่ดี ไม่ได้ ธรรมฝ่ายที่ไม่ดี ทำให้เกิดผล ต้องเป็นผลที่ไม่ดี
-เห็น เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นทำกิจเห็นแล้วก็ดับไป
-กี่ชาติมาแล้ว ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม
-ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีเหตุปัจจัย และไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้ถาวรเลย เพราะเกิดแล้วก็ต้องดับไป จึงไม่มีสิ่งใดที่ควรแก่การติดข้องยินดีพอใจ
-ทุกคนเกิดมาแล้ว ต้องละจากโลกนี้ไปแน่ แล้วเมื่อไหร่ แล้วไปไหน ก็ต้องตามเหตุตามปัจจัยอีกเหมือนกัน
-ทุกชาติเป็นอย่างนี้ คือ มีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไป แล้วจะรู้หรือไม่รู้ ก็ตามการสะสมของแต่ละบุคคล
-ถ้าไม่สนใจฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะรู้ความจริงได้เลย
-ทรัพย์สมบัติติดตามคนตายไปไม่ได้ อย่าว่าแต่หนึ่งบาทเลย แม้แต่หนึ่งสลึงก็ติดตามไปไม่ได้
-รูป ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็นำเอาร่างกายไปด้วยไม่ได้
-เราหลงอยู่ในสังสารวัฏฏ์มานานแสนนานแล้ว แม้จะมีธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ไม่รู้ความเป็นจริงของธรรม
-ชีวิตของแต่ละคน ก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมเลย
-เพียงไม่มีจิต รูปร่างกาย ก็ทำอะไรไม่ได้ เคลื่อนไหวไปไม่ได้เลย
-ทุกอย่างที่มีจริงในขณะนี้ เกิดแล้วก็ดับไป เมื่อเกิดแล้วดับไป จะเป็นของใครได้
-ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก จึงหน่าย คลายจากความติดข้อง
-ถ้าไม่คิด แผนก็ไม่มี คิด เกิดเมื่อไหร่ก็มีเรื่องที่คิด และปัญญา สามารถรู้ตามความเป็นจริงได้ว่า คิด เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
-ขณะที่ไม่เข้าใจความจริง ขณะนั้นก็โปรยธุลีลงในจิต หนทางที่จะทำให้ธุลีคือกิเลสน้อยลง คือ ได้เข้าใจธรรม
-แต่ละคนมีความประพฤติตามที่เป็นไป เพราะสะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น
-ถ้าสะสมกุศล อบรมเจริญปัญญา ความเห็นถูกก็จะมีกำลังขึ้นได้
-เกิดกุศลแล้วแม้เพียงมีศรัทธาที่จะฟังพระธรรม ซึ่งเป็นขณะที่หาได้ยากในขณะนี้
-ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่มีใครได้ยินแม้แต่คำว่า ธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงในขณะนี้
-จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเข้าใจธรรม ก่อนตาย เพราะถ้าก่อนตาย ยังไม่เข้าใจธรรม ก็จะไม่รู้ต่อไป
-ถ้าเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรมมากขึ้น จะเห็นได้ว่า ชีวิตไม่ได้มีสาระอะไรเลย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
-ถ้าไม่ฟังพระธรรมในขณะนี้ ก็จะไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงของสภาพธรรมได้เลย
-แสงสว่างของปัญญาจะส่องให้เห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้
-ดี เพราะเพียงแค่ไม่ทำทุจริตกรรม พอไหม? ไม่พอแน่ เพราะถ้าไม่สะสมความดี ไม่อบรมเจริญปัญญา อกุศลก็จะเพิ่มมากขึ้น
-ถ้ามีกุศลเกิดมากขึ้น ความไม่ดีที่จะเกิดขึ้นก็จะน้อยลง
-ถ้าเห็นประโยชน์จริงๆ ใครก็หยุดยั้งให้ไม่ฟังพระธรรม ไม่ได้เลย
-ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงในขณะนี้ เป็นสิ่งที่รู้ได้ แต่ไม่รู้ แล้วควรที่จะรู้ไหม?
-สิ่งใดที่เกิดแล้ว ดับแล้ว สิ่งนั้นไม่กลับมาอีกเลย
-ละวาง คือ ละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน ซึ่งยึดถือมานานแสนนาน
-โลกของอวิชชา ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แต่โลกของปัญญา รู้ถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง
-ทุกขณะเป็นธรรมทั้งหมด ปฏิเสธไม่ได้เลย
-ขณะที่เข้าใจถูกเห็นถูก จะไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ มีแต่สภาพธรรมฝ่ายดี มีศรัทธา เป็นต้น รวมถึงปัญญาด้วย
-ข้อความในพระไตรปิฎก แสดงถึงความจริงในขณะนี้ทั้งหมด
-พระอรหันต์ ไม่มีแม้แต่ละอองของกิเลสซึ่งเล็กน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นอกุศลประเภทใดๆ ก็ตาม ไม่มีเกิดขึ้นอีกเลย
-หวังไปต่างๆ นานาก็เพราะความไม่รู้
-ความติดข้อง มีจริง ไม่ใช่เรา
-คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด จะประมวลลงที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้นจริงๆ
-ผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมไม่รู้ต่อไปในทุกภพทุกชาติ
-เกิดมาแล้วตายไป ไม่เปล่าประโยชน์ ถ้าได้เข้าใจพระธรรม
-สิ่งที่ควรรู้อย่างยิ่ง คือ ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ
-ไม่นานก็จะต้องละจากโลกนี้ไป ดีชั่วที่สะสมไว้เท่านั้นที่จะติดตามไป
-จากที่ชั่ว แล้วเป็นดีได้ ใครที่จะทำให้เป็นอย่างนี้ได้? ความเข้าใจพระธรรม
-มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะต้องเป็นผู้รู้คุณคือพระปัญญาตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงแสดงไว้เลยว่า ทุกอย่างจะสำเร็จมาจากการขอ แต่ต้องมีเหตุปัจจัย
-เพราะรู้ว่าไม่รู้จึงมีการฟังพระธรรมให้เข้าใจ
-ศรัทธา เป็นศรัทธา ไม่ใช่จิต
-เห็น เป็นธรรม ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล
-เมื่อกล่าวถึงกุศล อกุศล ไม่ได้อยู่ในตำราเลย แต่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน
-ถ้าไม่มีปริยัติ ปฏิบัติก็มีไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงปฏิเวธ (การแทงตลอดสภาพธรรมตามความเป็นจริง)
-เห็นว่ามีคน มีสัตว์จริงๆ ที่เที่ยงแท้ยั่งยืน ถูกหรือผิด? ผิด แล้วจะรู้ว่าผิดได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
-ทำอกุศลกรรมมาเยอะแยะแล้ว แค่ปล่อยนกจะพ้นหรือ
-ขณะที่ยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นี้แหละ คือ เห็นผิด กว่าจะไม่มีความเห็นผิด ก็ต้องสะสมความเข้าใจถูกตั้งแต่ในขณะนี้
-กล่าวได้ว่า ทั่วโลกมีการปฏิบัติ แต่เข้าใจจริงๆ หรือไม่ว่า ปฏิบัติคืออะไร ปฏิบัติด้วยความไม่รู้ แล้วจะรู้อะไร ถ้าไม่เข้าใจถูกเห็นถูก ก็ไม่ต้องพูดถึงปฏิบัติ เพราะผิดแน่
-ปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องทำ แต่เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ด้วยสติและปัญญา
-ถ้ามีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว จะไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้หรือ?
-ปัญญา เป็นสิ่งที่เงินทองซื้อไม่ได้
-เพราะยังเต็มไปด้วยความไม่รู้ ความไม่ดีประการต่างๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย เพราะมีความเข้าใจถูกเห็นถูก ความดีประการต่างๆ ก็ตามมาอีกมากมายเหมือนกัน
-เหตุไม่ดี ไม่สามารถทำให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นได้เลย และ เหตุที่ดี ไม่สามารถทำให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นได้เลย
-ปฏิบัติคลาดเคลื่อนจากความเข้าใจความเป็นจริงของสภาพธรรม นี้แหละคือ สีลัพพตปรามาส
-เมื่อมีโอกาสได้พบปะกัน ประโยชน์คืออะไร? มีโอกาสได้เกื้อกูลกันและกันให้ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม
-อริยทรัพย์ ใครๆ ก็แย่งชิงไปไม่ได้ เพราะสะสมอยู่ในจิต
-สวดมนต์ กับ เข้าใจธรรม อย่างไหนจะดีกว่ากัน มีคนชวนไปสวดมนต์ กับ ชวนไปฟังธรรมจะไปกับใคร พุทธประสงค์จริงๆ คือ ให้พุทธบริษัทได้เข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ใช่อย่างอื่น
-นอบน้อมจริงๆ ด้วยกาย วาจา ใจ จึงเป็นกุศล
-จะไม่ละเลยโอกาสของการทำดี แม้เพียงเล็กน้อย เพราะเห็นคุณของความดี
-ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังคำไหน ก็ไม่พ้นไปจากธรรม เช่น สติ ปัญญา เป็นต้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ
-ไม่มีแม้แต่ขณะเดียวที่ธรรมเกิดขึ้นแล้วจะไม่ทำกิจหน้าที่
-ลืมอะไรหรือเปล่า? ลืมว่าขณะนี้ เป็นธรรม ถ้าไม่เตือน ก็ไม่รู้

-อกุศลเจตสิกประการต่างๆ ไม่ได้เกิดที่อื่น แต่เกิดกับจิต ทำให้จิต เป็นอกุศล
-หนทางที่จะทำให้รู้ความจริง ยาก ลึกซึ้ง แต่ถ้ามีความอดทน วันหนึ่งก็ต้องถึง



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านด้วยครับ ...



ความคิดเห็น 1    โดย swanjariya  วันที่ 16 ก.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


ความคิดเห็น 2    โดย tim7755tim  วันที่ 16 ก.ค. 2566

กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารย์


ความคิดเห็น 3    โดย jaturong  วันที่ 16 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย ภาคภูมิอรุณศรี  วันที่ 16 ก.ค. 2566

คำจริงครบถ้วนไพเราะอย่างยิ่ง

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย มังกรทอง  วันที่ 16 ก.ค. 2566

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 6    โดย มังกรทอง  วันที่ 16 ก.ค. 2566

ฟังธัมมาท่านให้ ไม่หยุด คงมั่นอันประดุจ เพชรได้ พึงขอกราบในพุทธ ปีติ นั่นแล นบอาจารย์สุจินต์ไว้ ยกเกล้าตลอดมา


ความคิดเห็น 7    โดย suporn71  วันที่ 16 ก.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ในความเมตตาอย่างสูงยิ่งค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย nattawan  วันที่ 19 ก.ค. 2566

ทุกชาติเป็นอย่างนี้ คือ มีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไป แล้วจะรู้หรือไม่รู้ ก็ตามการสะสมของแต่ละบุคคล

ขอบพระคุณ และยินดียิ่งในกุศลวิริยะของอ.คำปั่นค่ะ