"ทาน" การให้นั้น เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว คนที่ตระหนี่มากก็ยากที่จะให้ได้ จิตที่ให้ทานเป็นกุศลเป็นจิตที่ดีงาม เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลวิบากคือผลที่ดี
พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในพระสูตรว่า "ถ้าผู้ใดรู้ผลของทานเหมือนเรารู้แล้วไซร้ผู้นั้นย่อมไม่บริโภคก่อนที่จะให้ทานเลย" อย่างคนในบ้านเราที่อยู่ด้วยกัน ทุกคนชอบอาหารรสอร่อย ถ้าเรามีอาหารรสอร่อยแล้วเราบริโภคคนเดียว รู้สึกเหมือนกับจะติดคอเพราะรู้ว่าคนอื่นก็อยากจะลิ้ม อยากจะชิมอาหารอร่อยๆ ด้วยฉะนั้น ถ้าแบ่งให้เขาตั้งแต่แรก ก็สุขใจทั้งเราทั้งเขา ไม่ใช่เก็บไว้หลายๆ วันจนเกือบจะเสียแล้วจึงเอามาให้เขา เพราะถึงอย่างไรเราก็จะให้ ก็ให้ตั้งแต่ยังมีรสอร่อย ดีกว่าให้เมื่อค้างแล้วหรือเก่าแล้ว ควรคิดถึงความรู้สึกที่กลับกัน คือถ้าเราเป็นผู้รับ เวลาได้รับสิ่งที่ดีก็รู้สึกเป็นสุขโสมนัสฉันใด คนอื่นก็ฉันนั้น
การให้ทานเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นกุศล เพราะขณะที่ให้นั้นจิตใจอ่อนโยน ถ้าคนรับเป็นคนที่เคยไม่ชอบเราหรือเป็นศัตรูกับเรา เมื่อได้รับสิ่งซึ่งมาจากไมตรีจิตของเรา เขาก็ย่อมจะเกิดความรู้สึกที่อ่อนโยนและมีความเป็นมิตรด้วย แม้เราไม่หวังผลว่าจะให้เขารักเรา แต่ก็รู้ว่าการให้เป็นทางที่จะทำให้ใจคนอ่อนลงและเกิดกุศลได้ เพียงคำพูดเพราะๆ ที่เกิดจากกุศลจิตก็ทำให้คนฟังสบายใจ และใจของผู้พูดขณะนั้นก็อ่อนโยนด้วย การเป็นคนอ่อนโยน อ่อนน้อมนั้น ทำให้ละคลายความสำคัญตน ความทนงตน หรือความเย่อหยิ่งซึ่งไม่ดีเลย และกุศลนั้นก็ไม่ใช่มีแต่ทานอย่างเดียว ทานเป็นกุศลขั้นต้นถ้าเราให้เขา แล้วเบียดเบียนเขาโดยใช้วาจาที่ทำให้เขาเสียใจ เขาก็ไม่อยากจะได้สิ่งที่เราให้ หรืออาจจะช้ำใจเกินกว่าจะรับสิ่งที่เราให้ ถ้าเราให้ด้วยกริยาที่ไม่สมควรหรือด้วยวาจาที่ทำให้ผู้รับไม่อยากจะรับ ก็เท่ากับว่าให้ไปด้วยความดูหมิ่น ให้ด้วยความไม่เต็มใจ ฉะนั้น แม้การให้แก่คนขอทานถ้าเป็นผู้ที่รู้จักกุศลจิต ก็จะให้ด้วยกริยาที่ไม่ใช่โยนทิ้งลงไปแต่จะวางลงอย่างดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และอาจจะมีคำพูดหรือกริยาอาการที่ทำให้เขาสบายใจ ไม่มีกายวาจาที่แสดงการดูหมิ่นดูแคลนเลยทั้งสิ้น
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ๐๑ - ๑๙
เกิด แก่ เจ็บ ตาย -- ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่า พรุ่งนี้อาจจากโลกนี้ไป --
คลิกดาวน์โหลดหนังสือ -->
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
อนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขออนุโมทนาครับ