ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง
จึงติด/เพลิดเพลินในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและธรรมมารมณ์ ซึ่งเปรียบเสมือนเบ็ดของมาร ๖ ชนิด
สำหรับนำสัตว์ทั้งหลายไป สำหรับฆ่าสัตว์ทั้งหลายเสีย
พาลิสิกสูตร ว่าด้วยเบ็ด ๖ ชนิด
จากสุขของมนุษย์-บรรลุสุขทิพย์-สุขในฌาณ-สุขในวิปัสสนา-สุขในมรรค-
สุขในผล-สุขในนิพพาน
ปปติตสูตร ว่าด้วยผู้ตกจากพระธรรมวินัย
เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมสติว่าสัตว์ย่อมมี ฉันนั้น
ความจริง
ทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด
ทุกข์เท่านั้นย่อมตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ
นอกจากทุกข์ สภาวะอย่างอื่นไม่มีเกิด ไม่มีดับ
วชิราสูตร
~ สิ่งที่ควรกลัวไม่ใช่ความตาย แต่ควรกลัวซึ่งอกุศลธรรมทั้งหลาย มี อวิชชาความไม่รู้ เป็นต้น
~ เกิดมาแล้วตายไป ไม่เปล่าประโยชน์ ถ้าได้เข้าใจพระธรรม
~ อีกไม่นานก็จะต้องละจากโลกนี้ไป ดีชั่วที่สะสมไว้เท่านั้นที่จะติดตามไป
~ จะเป็นคนนี้ในชาตินี้ อย่างไร? อย่างคนดี หรือ อย่างคนชั่ว?
~ โอกาสที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็สะสมสิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ ความเข้าใจพระธรรม
~ ความตายไม่เคยบอกล่วงหน้าเลยว่าจะเป็นเมื่อใด และที่น่ากลัวคือตายแล้วจะไปไหน
~ ทุกคนหนีความตายไม่พ้น ช้าหรือเร็ว วันนี้เป็นเขา (คือ คนอื่นตาย) ต่อไปวันข้างหน้า เป็นเรา เมื่อไหร่ก็ได้
~ เสียชีวิตไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ คือ การเสียซึ่งคุณความดี
~ ความตายเป็นของธรรมดา มีใครไม่ตายบ้าง? แต่ก่อนตายทำอะไร ความดีหรือความชั่ว?
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ