ผู้ฟังท่านหนึ่งกล่าวว่า ท่านดูนามดูรูป ซึ่งลักษณะของสติเป็นสภาพที่ระลึกรู้ ไม่ใช่ดู ผู้ที่รู้ว่าสติเป็นสภาพที่ระลึกรู้ ก็รู้ว่าขณะนั้นสติเกิด และรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ไม่ใช่เป็นตัวตนที่กำลังดู ท่านเข้าใจว่าท่านรู้นามรู้รูป จนกระทั่งวันหนึ่งไม่สบายมาก โทรศัพท์มาเล่าว่า แต่ก่อนนี้มีความเข้าใจว่า มีความชำนาญในการดูนามในการดูรูป สามารถที่จะดูนามนั้น ดูรูปนี้ได้หลายนามหลายรูปทีเดียว แต่เวลาที่เกิดทุกขเวทนามาก ดูไม่เป็นเสียแล้ว งงไปหมด ไม่สามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้นได้เลย
ท่านเป็นผู้ที่เคยอบรมสมาธิมา ท่านจึงเอาสมาธิเข้ามาช่วย แต่ไม่ใช่สติปัฏฐาน เพราะว่าถ้าเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ กำลังมีทุกขเวทนาอย่างไรก็ตาม ท่านเป็นผู้ที่อบรมรู้ว่า สติเป็นสภาพที่เป็นอนัตตา สามารถที่จะระลึกรู้ได้ ไม่ใช่ดู ในขณะนั้นสติมีโอกาสที่จะระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏเพราะเคยอบรมมา
อีกท่านหนึ่งเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติ ท่านผู้นี้รู้ความต่างกันของคำว่าดู กับการระลึกรู้ ท่านก็เจริญสติเป็นปกติ วันหนึ่งก็เป็นลม แต่ในขณะนั้นระลึกได้ว่า ถ้าให้จิตเป็นอกุศลก็ย่อมไปสู่อบายภูมิ นี่ไม่ใช่สติปัฏฐาน ถึงแม้ว่าท่านเป็นผู้มีปกติเจริญสติก็จริง แต่เวลาที่ท่านจะจากโลกนี้ไป แล้วแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในขณะนั้น ก็เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยทั้งนั้น
ขอเชิญรับฟัง
ดูนามดูรูป