เรื่องของวิบากที่เกิดจากกุศล
โดย จักรกฤษณ์  15 มิ.ย. 2552
หัวข้อหมายเลข 12666

ที่ว่าวิบากที่เกิดจากกุศล ทำให้เราได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส กระทบสัมผัสในสิ่งที่ดีนั้น ที่ว่าดีนั้นคืออะไรครับ เพราะว่า ของดีทุกอย่างทำให้ติดยึดทั้งสิ้น

ไม่ว่าเห็นรูปสวย ได้ยินเสียงที่ไพเราะรื่นหู ได้กลิ่นหอม ลิ้มรสประณีต สัมผัสสิ่งที่อ่อนละมุน ผมจึงสงสัยจริงๆ ครับว่าดีจริงหรือ ส่วนรูปที่ทำให้สติเกิดขึ้นนั้นย่อมเป็นรูปที่ดีแน่ๆ เพราะทำให้กุศลเกิด ส่วนวิบากที่ทำให้จิตคิดนึกก็เหมือนกันหรือไม่ครับ แต่อารมณ์ที่จิตรับรู้ทางใจนั้น หากเป็นเรื่องดีก็ย่อมไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ แน่ ส่วนคิดดีทางโลก เช่น ฉลาด ขยัน กตัญญู เป็นต้น เกิดจากกุศลวิบากเหมือนกันหรือไม่ครับ



ความคิดเห็น 1    โดย prachern.s  วันที่ 15 มิ.ย. 2552
ก่อนอื่นควรทราบสภาพตามความเป็นจริงของจิต เจตสิก และรูป ว่าเป็นปรมัตถธรรม และปรมัตถธรรมที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยนั้น มีความแตกต่างกันตามสภาพ คือ หยาบ ละเอียด ทราม ประณีต เป็นต้น ดังนั้นจึงมีสิ่งที่ดีน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ และมีสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ แต่เมื่ออารมณ์เหล่านั้นกระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ จะติดข้องหรือไม่ติดข้อง จิตจะเป็นกุศลหรืออกุศล เป็นอีกเรื่องหนึ่งส่วนวิบากจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์นั้นก็ต่างกัน คือ อารมณ์ที่ไม่ดี จิตที่เกิดขึ้นรู้ เป็นอกุศลวิบาก ส่วนอารมณ์ที่ดี เป็นกุศลวิบาก และ ชวนวิถีจิต ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่อารมณ์ และเรื่องราว แต่เป็นไปตามการสะสม ความคิดดีก็เช่นกันเกิดเพราะการสะสมครับ

ความคิดเห็น 2    โดย prachern.s  วันที่ 15 มิ.ย. 2552
และขอเสริมอีกนัยหนึ่งเมื่อว่าโดยระดับสูงผู้มีปัญญา ท่านพิจารณาเห็นความจริงของสภาพธรรม คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา และไม่งาม ท่านย่อมไม่พิจารณาเห็นอารมณ์ไหนๆ ในโลกทั้งสาม ว่า ดี น่าใคร่ น่ายินดี น่าติดข้องดังนั้นท่านจึงเห็นการพ้นจากสังขาร เป็นสิ่งที่ดี และประเสริฐกว่าครับ

ความคิดเห็น 3    โดย paderm  วันที่ 15 มิ.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ตามปรกติในชีวิตประจำวันก็มีอารมณ์ที่ดีน่าปรารถนาและอารมณ์ที่ไม่ดีไม่น่าปรารถนาเช่น เห็นรูปที่ดีและรูปไม่ดี เป็นต้น รูปที่ดี โดยทั่วไปแล้วเมื่อเห็นก็ติดข้องในรูปนั้น รูปที่ไม่ดี เมื่อเห็นแล้วก็เกิดโทสะในสิ่งนั้น รูปที่ดี จะเปลี่ยนไปเป็นรูปที่ไม่ดีไม่ได้เลย เช่น รูปพระพุทธเจ้าเป็นรูปที่ดีจะเปลี่ยนเป็นรูปที่ไม่ดี ไม่ได้เลย ไม่ว่าใครเห็นแล้วจะเกิดกุศล เกิดอกุศล รูปนั้นก็ไมได้เปลี่ยนแปลงลักษณะไปตามจิตของผู้อื่น ก็ยังเป็นรูปที่ดี ประณีตอยู่นั่นเอง ในทางตรงกันข้าม รูปที่ไม่ดี ก็ไม่ไปลี่ยนเป็นรูปที่ดีตามจิตของคนอื่นเลย แม้รูปที่ไม่ดีนั้นเห็น ได้ยิน..แล้วจะเป็นกุศลหรืออกุศล รูปนั้นก็ยังเป็นรูปไม่ดีอยู่นั่นเองครับ จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับชวนจิต (จิตเป็นกุศล อกุศล เป็นต้น) ที่จะกำหนดสภาพของรูปว่าจะเป็นรูปที่ดีน่าปรารถนาหรือไม่น่าปรารถนา ขึ้นอยู่กับวิบากจิตเป็นสำคัญว่า จักขุวิญญาณที่เกิดขึ้นเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบากครับ ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบคนละส่วนกันครับ ขออนุโมทนา เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ.. อิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 4    โดย ปริศนา  วันที่ 15 มิ.ย. 2552

คุณสงวน
อาจารย์บอกให้เรารู้ "ผลของกรรม"คือ "วิบากจิต" ที่กำลังเกิดปรากฏและหลังจากที่เป็น "วิบากจิต"แล้วที่สำคัญมาก ก็คือ"จิต" ที่เกิดต่อจากวิบากจิต นั้นเป็น "จิต" อะไร.?


เป็นกุศลจิต หรือ เป็น อกุศลจิต.?
อันนี้ อาจารย์ว่า สำคัญ.!
และถ้าเราเข้าใจจริงๆ ว่าโดยปกติแล้ว อกุศลจิต เกิดบ่อยกว่า กุศลจิต.!รู้อย่างนี้ เพื่อ เห็นโทษของอกุศลจิต.
และถ้า รู้ ว่า เป็นอกุศลจิตบ่อยๆ ก็คงจะเห็นโทษของอกุศลจิตได้เพราะกุศลจิต เกิดน้อยเหลือเกินถ้ามี "สติ" ระลึก รู้ "ลักษณะ" ของ อกุศลจิต บ่อยๆ ก็คงจะเห็นโทษของอกุศลจิต ได้มากขึ้น.
ท่านอาจารย์
แต่การที่จะ "เข้าใจ"................. และ เห็นโทษ ของอกุศล จริงๆ ต้อง "เข้าใจ" ปรมัตถธรรม ก่อนมิฉะนั้น.....ก็ "เป็นเรา" ที่มีอกุศล "เป็นเรา"...ที่เห็นโทษของอกุศล.

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย พุทธรักษา  วันที่ 15 มิ.ย. 2552

ขอเชิญอ่านเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ.
.
.เข้าใจ และ เห็นโทษ...?


ความคิดเห็น 6    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 16 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย opanayigo  วันที่ 16 มิ.ย. 2552

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย petcharath  วันที่ 16 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ