[เล่มที่ 12] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 235
ข้อความบางตอนจาก...
เกวัฏฏสูตร
[๓๔๘] ดูก่อนเกวัฏฏะ ครั้งนั้น ภิกษุนั้นได้หายไปจากพรหมโลกมาปรากฏข้างหน้าเรา เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีกำลัง เหยียดแขนที่คู้อยู่ออกไปหรือคู้แขนที่เหยียดไว้เข้ามา ดูก่อนเกวัฏฏะ ภิกษุนั้นเข้ามาหาเรา ไหว้เราแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาภูต ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ เหล่านี้ ย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหน เมื่อเธอกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้กล่าวว่า ดูก่อนภิกษุ เรื่องเคยมีมาแล้ว พวกพ่อค้าเดินเรือมหาสมุทร จับนกตีรทัสสี (นกดูฝั่ง) ลงเรือไปด้วย เมื่อไม่เห็นฝั่งเขาก็ปล่อยนกตีรทัสสีมันบินไปยังทิศบูรพา ทิศทักษิณ ทิศปัจจิม ทิศอุดรทิศเบื้องบน ทิศน้อย หากมันเห็นริมฝั่ง มันก็บินไปทางนั้น หากมันไม่เห็นริมฝั่ง มันจะกลับมายังเรือนั้นอีก ดูก่อนภิกษุ เธอก็เหมือนกัน เที่ยวแสวงหาจนถึงพรหมโลก ก็ไม่ได้รับพยากรณ์ปัญหานี้ ในที่สุดก็ต้องมาหาเรา ปัญหานี้เธอไม่ควรถามอย่างนั้น แต่ควรถามอย่างนี้ .....
[๓๔๙] ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ งานและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน นามและรูปย่อมดับไปไม่มีเหลือในที่ไหน ดังนี้. ในปัญหานั้นมีพยากรณ์ดังต่อไปนี้
[๓๕๐] ธรรมชาติที่รู้แจ้ง แสดงไม่ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใสโดยประการทั้งปวง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้ อุปาทายรูปยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้ นามและรูปย่อมดับไปไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับ ไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าไค้ตรัสพยากรณ์ปัญหานี้แล้ว เกวัฏฏะบุตรคฤหบดีชอบใจเพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนี้แล.
จบ เกวัฏฏสูตรที่ ๑๑
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น