หนูต้องกราบขอโทษนะคะที่รบกวน คือหนูเปิดฟังท่านอาจาย์ แล้วได้ยินว่า รูปเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยแก่โลภะเท่านั้น เลยอยากทราบโดยอรรถที่ไม่มีความเป็นตัวตน เป็นอนัตตา หนูต้องขอรบกวนอาจารย์ด้วยนะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำบรรยายโดยท่านอาจารย์สุจินต์ ครับ
สำหรับรูปขันธ์ทั้งหมด เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของโลภมูลจิตเท่านั้นไม่เป็นอารัมมณาธิปติของกุศลจิต. ถ้าไม่ศึกษาอย่างนี้ ก็จะหลงคิดว่าขณะที่กำลังพอใจในรูปในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ เป็นกุศลได้.
สำหรับรูปขันธ์ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ในชีวิตประจำวัน ให้ทราบว่า เป็นอารัมมณธิปติปัจจัยของโลภมูลจิต. ท่านผู้ฟังชอบสีสันวัณณะของเสื้อผ้าหรือของสิ่งหนึ่งสิ่งใด จนกระทั่งท่านต้องไปแสวงหา หรือ ซื้อมา...หมายความว่า ขณะนั้น อารมณ์นั้น รูปนั้น เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของโลภมูลจิตคือ ขณะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผ่านไปเฉยๆ แต่เป็นอารมณ์ไม่ควรทอดทิ้ง เห็นไหมคะ....ว่าเป็นที่ปรารถนาเพียงไร เป็นสภาพธรรมที่มีกำลัง ที่ทำให้โลภมูลจิตเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปที่ปรากฏทางตา เสียงทางหู กลิ่นทางจมูก รสที่กระทบลิ้น โผฏฐัพพะที่กระทบกายก็จะได้เห็นว่ารูปใดเป็น "อารัมมณาธิปติปัจจัย" และรูปใดเป็น "อารัมมณปัจจัย" เช่น....ถ้าเป็น "อารัมมณปัจจัย" โลภะก็ชอบ แต่ว่าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร. ถ้าเป็น "อารัมมณาธิปติปัจจัย" แล้ว...ไม่เป็นอย่างนั้น แต่จะเป็นปัจจัยทำให้เกิดความขวนขวาย แล้วก็ทำให้เกิดความปรารถนาอย่างหนักแน่นที่จะไม่ทอดทิ้งในอารมณ์นั้นไป. นี่ก็เป็นชีวิตประจำวัน เพียงแต่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมะนั้น โดยบัญญัติศัพท์เพื่อให้รู้ถึงสภาพของธรรมนั้นๆ ว่าสภาพธรรมใดเป็นปัจจัย โดยปัจจัยใด เมื่อเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย ก็จะไม่ใช้เพียงแต่คำว่า อารัมมณปัจจัย.
--------------------------
ส่วนการเข้าใจความเป็นอนัตตา คือ ไม่มีเรา มีแต่ธรรมที่ติดข้องในรูป มีแต่ธรรมเป็นไปตามเหตุปัจจัย ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร ตามความเป็นจริงแล้ว รูปธรรมทั้งหมดเป็นอารัมณปัจจัยแก่กุศลจิตได้ แต่ไม่เป็นอารัมณาธิปติปัจจัยแก่กุศลจิต เพราะรูปธรรมเป็นอารัมณาธิปติปัจจัยได้เฉพาะอกุศลเท่านั้น เพราะเหตุว่าขณะที่จิตมีรูปเป็นปัจจัยอย่างหนักแน่น มีอารมณ์ที่เป็นใหญ่ยิ่งเป็นปัจจัย จิตจะเป็นกุศลไม่ได้ ต้องเป็นอกุศลเท่านั้นครับ เพราะสภาวของกุศลธรรมต่างจากอกุศลธรรมที่ติดข้องต้องการอย่างยิ่งในอารมณ์ที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ ขณะที่ติดข้องต้องการ เป็นโลภะ เป็นธรรมทางฝ่ายที่เป็นอกุศลเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน รูปธรรม อันเป็นอารมณ์ของโลภะ ก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด
พระธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด และเข้าใจยากเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ไม่ละทิ้งโอกาสที่สำคัญในชีวิต คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกค่อยๆ เจริญขึ้น ครับ
ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่นี่ครับ
รูปเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยแก่โลภะ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
กราบขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่านมากๆ ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
และขอแชร์นะครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
โลภะก็ไม่ใช่ตัวตน อารมณ์ก็ไม่ใช่ตัวตน ขณะที่โลภะเกิดเพราะมีรูป รูปเป็นอนัตตา เพราะรูปต้องเกิดดับ ไม่เที่ยง ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ