ขออนุญาตเรียนถามครับ
ได้อ่านพระสูตรเรื่องสามเณรถูกยักษ์สิง และเรื่องมารดลใจพระอานนท์ไม่ให้ทูลเชิญพระพุทธองค์อยู่ต่อ จึงเกิดสงสัยว่า เหตุใดจึงสามารถบังคับควบคุมวิถีจิตอื่นที่เกิดคนละเหตุปัจจัยได้ครับ อธิบายทางอภิธรรมได้อย่างไรครับ ขอรบกวนทีครับ
ในทางพระอภิธรรมก็คือ จิต เจตสิก และรูป เกิดขึ้นเพราะปัจจัย และจิตก็มีหลายประเภท บางประเภทมีกำลัง บางประเภทมีกำลังอ่อน มีทั้งภายในและภายนอกหยาบและละเอียด เป็นต้น จึงมีเรื่องยักษ์เข้าสิงหรือมารดลใจ ถ้าไม่มีจิต เจตสิกและรูปแล้ว เรื่องราวเหล่านี้ก็มีไม่ได้ครับ
เรื่องราว และ บัญญัติ เกิดจากการมีจิต เจตสิก รูป ค่ะ
ขอบพระคุณมากครับ ขออนุโมทนา
กระผมได้ค้นเจอเรื่องอสังขาริก จิตที่มีกำลังมาก เช่น กระทำอกุศลหรือกุศลโดยไม่ต้องมีผู้ใดชวนหรือชักจูง ในกรณีที่ผู้ที่ถูกมารดลใจในสมัยพุทธกาลให้กระทำอกุศลกรรมต่างๆ เจตนาที่กระทำอกุศลย่อมมีกำลังน้อยกว่ากระทำเองโดยไม่มีการดลใจด้วยหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
แล้วแต่ขณะจิตค่ะ เช่น เพื่อนชวนไปดูหนัง ทีแรกก็เป็นสสังขาริก แต่พอดูไปก็สนุกภายหลังจิตเป็นอสังขาริกมีกำลังโดยไม่มีใครชักชวนก็ได้ค่ะ
เรียน อาจารย์ประเชิญ ที่เคารพ
ยังติดใจคำอธิบายของอาจารย์ความเห็นที่ ๑ เช่น คนเข้าทรง ถ้าเทพที่มาเข้าทรงมีกำลังเหนือกว่าและผู้มีกำลังน้อยยอมให้เข้าทรง การเข้าทรงก็เกิดขึ้นได้และสามารถบอกคนรอบข้างถึงความรู้ของเทพที่มาเข้าทรงเช่น เป็นหมอดู เป็นต้น ได้ไหม ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ในพระไตรปิฎกแสดงเรื่อง มารดลใจของพระอานนท์ว่าเพราะท่านยังละวิปลาสไม่ได้ เมื่อพูดโดยอภิธรรมแล้วเมื่อยังละวิปลาสไม่ได้จิตย่อมเป็นอกุศลได้ครับ เมื่อเป็นอกุศลย่อมไม่รู้ตามความเป็นจริง จึงถูกมารดลใจด้วยกิเลสมารด้วย ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงว่าที่ท่านพระอานนท์เป็นอกุศล ด้วยเนื่องจากมารนั้นทำรูปอันน่ากลัว เสียงอันน่ากลัวให้พระอานนท์เห็นและได้ยินซึ่งพระอานนท์หรือบุคคลใดยังมีกิเลสย่อมละวิปลาสไม่ได้ ในทางอภิธรรมเมื่อตากระทบรูปที่ไม่ดี จักขุวิญญาณเกิดรู้อารมณ์ที่ไม่ดี ดังนั้นผู้ที่ยังละวิปลาสไม่ได้ก็ย่อมหวั่นไหวไป เป็นอกุศลจิต เมื่อเกิดอกุศลจิตย่อมไม่เห็นตามความเป็นจริง ย่อมถูกกิเลสมารครอบงำอันเกิดจากเทวปุตตมาร เนรมิตรูปและเสียงไม่ดีครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอบพระคุณมากครับ ขออนุโมทนา
ขอเรียนถามอีกนะครับ เรื่องมารดลใจนี้ หากยังละวิปลาสไม่ได้ จะป้องกันได้อย่างไร ครับ มีแสดงไว้ในพระไตรปิฎกไหมครับ
มารข้างนอกไม่น่ากลัวเท่ากับมารข้างในนะครับ ในชีวิตประจำวันเราถูกกิเลสมารซึ่งเป็นมารข้างใน เล่นงานอยู่เสมอ ถ้าไม่อบรมเจริญปัญญาย่อมไม่รู้จักมารจริงๆ เลยครับ
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 10799 ความคิดเห็นที่ 7 โดย เกมส์
ขอบพระคุณมากครับ ขออนุโมทนา
ขอเรียนถามอีกนะครับ เรื่องมารดลใจนี้ หากยังละวิปลาสไม่ได้ จะป้องกันได้อย่างไร ครับ มีแสดงไว้ในพระไตรปิฎกไหมครับ หากไม่มีกิเลสแล้ว (ละวิปลาสได้หมด) เทวปุตตมารก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ การละกิเลสซึ่งหนทางในการละกิเลสอันเป็นไปเพื่อดับวิปลาส คือการอบรมปัญญาให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เราครับ โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ หนทางเดียวครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องเทวปุตมารจะมาดลใจหรอกครับ แค่เสนามารมีกิเลสประการต่างๆ ก็เป็นทาสของกิเลสมารแล้วครับ อบรมปัญญาเท่านั้นหนทางเดียวครับ
ขออนุโมทนา
ขณะที่คิดกลัวมารข้างนอก ขณะนั้นมารข้างในก็เล่นงานจิตของเราโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวแล้วครับ ซึ่งมารข้างในนี่ ก็ตามติดแน่นอยู่กับจิตทุกๆ ดวงมาเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ถ้าหากยังไม่ได้ดับมารข้างใน (อนุสัยกิเลส) เป็นสมุจเฉท เขาก็จะยังเกาะอยู่กับจิตทุกๆ ดวงในขณะต่อไปได้อีกเช่นกัน เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่จะประหารกองทัพมารได้ก็คือ การอบรมเจริญปัญญาและกุศลทุกๆ ประการ และการประหารก็ต้องตามลำดับด้วย จะข้ามไปประหารโลภะ โทสะ โมหะเลย ยังเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในเบื้องต้น คือประหารความเห็นผิดก่อนครับ ถ้าความเห็นผิด ก็ยังไม่มีกำลังที่จะประหารได้ ก็จะต้องค่อยๆ ศึกษาธรรมให้เข้าใจต่อไป เพื่อละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิปลาส เป็นการรู้การเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดยสภาพธรรมแล้วเป็นอกุศลธรรม ขณะใดที่อกุศลจิตเกิดขึ้น ขณะนั้นเป็นวิปลาส ซึ่งเป็นการเห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ คือ เห็นว่าเที่ยงในสภาพธรรมที่ไม่เที่ยง เห็นว่าเป็นสุขในสภาพธรรมที่เป็นทุกข์ เห็นว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ในสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เห็นว่างามในสภาพธรรมที่ไม่งาม การละวิปลาส ต้องเป็นไปตามลำดับขั้น และบุคคลผู้ที่จะละวิปลาสทั้งหมดได้อย่างเด็ดขาด ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้น จึงยังไม่พ้นไปจากวิปลาส ในชีวิตประจำวันของบุคคลผู้ที่ยังมีกิเลส ย่อมเป็นผู้ถูกกิเลสมารเกิดขึ้นกลุ้มรุมทำให้จิตใจเศร้าหมองอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่เฉพาะวันนี้ ชาตินี้เท่านั้น เคยเป็นอย่างนี้มาแล้วนับชาติไม่ถ้วน
เมื่อไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรมเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแล้ว การที่จะด้บกิเลสให้หมดไปนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จึงต้องเริ่มฟัง เริ่มศึกษาต่อไป เพราะเหตุว่า กิเลสที่มีมาก ต้องอาศัยปัญญาเท่านั้น จึงจะดับได้ แล้วปัญญามาจากไหน ต้องมาจากการอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
วัดพระสิงห์วรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 10799 ความคิดเห็นที่ 8 โดย prachern.s
มารข้างนอกไม่น่ากลัวเท่ากับมารข้างในนะครับ ในชีวิตประจำวันเราถูกกิเลสมารซึ่งเป็นมารข้างใน เล่นงานอยู่เสมอ ถ้าไม่อบรมเจริญปัญญาย่อมไม่รู้จักมารจริงๆ เลยครับ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ กิเลสมาร เป็นมารภายในที่น่ากลัวที่สุด เพราะรู้ได้ยาก เห็นได้ยากจริงๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ