พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๖๖
[๓๘] สัมมาสติ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน ?
สติ ความตามระลึก ความหวนระลึกสติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ ความไม่เลื่อนลอย ควานไม่ลืมสติ สตินทรีย์ สติพละ ความระลึกชอบในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า สัมมาสติมีในสมัยนั้น.
[๓๙] สัมมาสมาธิ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน ?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบสมาธินทรีย์ สมาธิพละ ความตั้งใจชอบในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า สัมมาสมาธิมีในสมัยนั้น.
[๔๓] สมาธิพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน ?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบสมาธินทรีย์ สมาธิพละ ความตั้งใจชอบ ในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า สัมมาสมาธิมีในสมัยนั้น.
[๖๗] สติ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน ?
สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ ความไม่เลื่อนลอย ความไม่ลืม สติ สตินทรีย์ สติพละ สัมมาสติ ในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า สติมีในสมัยนั้น.
[๖๔] สมถะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน ?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไปความสงบ สมาธินทรีย์ สมาธิพละ สัมมาสมาธิ ในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า สมถะมีในสมัยนั้น.
กำลังคือภาวนา เป็นไฉน ?
การเสพ การเจริญ การทำให้มาก ซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย อันใด นี้เรียกว่า กำลังคือภาวนาโพชฌงค์แม้ทั้ง ๗ จัดเป็น กำลังคือภาวนา.
บทว่า กุสลานํ ธมฺมานํ (ซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย) คือโพธิปักขิยธรรม.บทว่า อาเสวนา (การเสพ) คือการเสพตั้งแต่ต้น.บทว่า ภาวนา (การเจริญ) คือการเพิ่มขึ้น.บทว่า พหุลีกมฺมํ (กระทำให้มาก) คือกระทำบ่อยๆ .
กรรมฐาน คือ ที่ตั้งแห่งการงานทางใจ (สมถะและวิปัสสนากรรมฐาน)